ยูเอฟโอที่ประเทศอิหร่าน
ยูเอฟโอคลิปนี้มีผู้ถ่ายที่อ้างว่าถ่ายได้ที่ประเทศอิหร่านครับ
อยากฝากให้ท่านช่วยพิจารณาอีกสักคลิป
ผมดูแล้วมีความน่าสนใจเหมือนกัน
ให้ท่านดูคลิปให้ละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบครับ ผมดูแล้วตอนท้าย ๆ
ของคลิปเป็นการยืนยันว่าคลิปนี้ ถูกถ่ายด้วยกล้องวีดีโอ
โดยดึงซูมกล้องจนสุด โดยผู้ถ่ายน่าจะถ่ายจากบนพื้นดิน
แล้วเห็นอะไรแปลก ๆ จึงถ่ายเก็บไว้
ยูเอฟโอลำนี้ตอนอยู่นิ่ง ๆ ลักษณะแปลกจริง ๆ
ครับดูแล้วเหมือนจะมีหางเสือด้วย
ไม่เท่านั้นมันเริ่มจะเคลื่อนที่โดยการหมุนรอบตัวเองอย่างช้า ๆ
แล้วเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ยูเอฟโอที่หมุนรอบตัวเองลักษณะนี้มีรายงานการพบเห็นทั่วโลกครับ
และนี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่พอจะหามาชมได้
Iran UFO Incident.
เหตุการณ์นี้เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ถูกบันทึกไว้
เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
เกิดขึ้นมานานพอสมควรแล้ว มีประจัักษ์พยานที่อยู่ในเหตุการณ์
และประชาชนผู้ที่พบเห็นอยู่บนพื้นดินมากพอสมควร
บุคคลที่นำเหตุการณ์นี้มาเล่าอย่างละเอียดชื่อ คุณ Parviz Jafari
ท่านผู้นี้เป็นนายทหารกองทัพอากาศ ตอนที่เกิดเหตุยศขณะนั้นนายพัน
ท่านเกษียณจากทหารในตำแหน่งนายพล
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 18 กันยายน 1976
ประชาชนบนพื้นดินเกิดความตื่นตระหนกเมื่อบนท้องฟ้าปรากฎวัตถุที่ระบุ
สัญชาติไม่ได้ บินอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก บนท้องฟ้าของกรุงเตหราน
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอิหร่าน
วัตถุนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่และเปล่งแสงได้ รูปทรงคล้าย ๆ กับเพชร
็คือในช่วงเวลานั้นอิหร่านยังคงเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา
อิหร่านมีพรมแดนที่ติดกับสหภาพโซเวียต ฉะนั้นแล้ว สหรัฐอเมริกา
ก็มอบการฝึกฝนทางทหาร รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารให้
ซึ่งหนึ่งในอาวุธที่มีนั้นก็คือเครื่องบินรบ F4 Phantom Fighter
ซึ่งประชาชนที่พบเห็นก็ได้แจ้งไปยังหน่วยงานรัฐสนามบิน Meribah
Airport ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ที่สนามบินชื่อคุณ Hussein Posey
ได้รายงานเรื่องนี้และก็ประสานกับทางกองทัพให้ตรวจสอบ
เวลาโดยประมาณ 11.31 น. ทางกองทัพอากาศ ส่งเรื่องบินรบ F4
จากฐานทัพอากาศ Shiraki ซึ่งห่างจากกรุงเตหราน 175
ไมล์ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ นักบินของกองทัพอากาศในวันนั้นชื่อ
Aziz Connie ถูกคำสั่งให้บินขึ้นเพื่อไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากปากคำของนักบินคนแรกเขากล่าวว่า
อุปกรณ์บนเครื่องของเขาไม่สามารถใช้งานหรือติดต่อสื่อสารได้ตอนที่บิน
เข้าไปใกล้วัตถุเปล่งแสงบินได้ลึกลัับนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องบินกลับมาก่อน
ซึ่งอีกสิบนาทีต่อมาเครื่องบิน F4 อีกลำก็ถูกส่งขึ้นไป
ครั้งนี้แล้วนักบินที่ขับเครื่องชื่อคุณ Parviz Jafari
คุณ Parviz Jafari กล่าวว่าตอนที่บินเข้าไปจนเห็นวัตถุที่ว่านี้
วัตถุนี้กระพริบและเปล่งแสง สี แดง เขียว ส้มและน้ำเงิน
แสงที่เปล่งออกมานี้มันสว่างอย่างไม่ธรรมดาเลย
จนทำให้เขามองไม่เห็นวัตถุนี้ได้อย่างชัดเจนมากนัก
จากการตรวจสอบด้วยเรดาห์ของเครื่องบินแล้วพบว่าวัตถุนี้มีขนาดโดย
ประมาณลำตัวของเครื่องบินพาณิชย์ 707 ซึ่งวัตถุนี้อยู่ห่างออกไปราว
25 ไมล์ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ
วัตถุที่ว่านี้สามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้จากซ้ายไปขวา โดยประมาณ 28
ไมล์โดยใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที ซึ่งการเคลื่อนที่ลักษณะนี้แล้ว
คุณ Parviz Jafari กล่าวว่าเกินขีดความสามารถของสิ่งบินใด ๆ
ที่มนุษย์บนโลกจะทำได้ คุณ Parviz Jafari
รายงานเรื่องที่เห็นนี้ไปยังหอควบคุมการบินว่ามียานพาหนะใดบ้างไหม
เช่น เครื่องบินบินอยู่ในบริเวณนี้
ซึ่งทางหอควบคุมการบินก็ตอบกลับมาว่าไม่มี คุณ Parviz Jafari
ตัดสินใจบังคับเครื่่องบินบินให้เข้าใกล้วัตถุนี้อีก
คราวนี้สิ่งที่เห็นก็ยิ่งแปลกขึ้น เมื่อเขาพบว่า มีวัตถุขนาดเล็กกว่าอีกลำ
บินออกมาจากวัตถุประหลาดนี้โดยบินออกมาจากทางใต้เครื่อง
ไม่เพียงเท่านั้นวัตถุที่สองที่ว่านี้ บินตรงมายังเครื่องของ
คุณ Parviz Jafari ตอนนั้นแล้วเครื่องของ คุณ Parviz Jafari
กำลังทำการบินอยู่ในระดับเดียวหรือเหนือความเร็วเสียง แต่ว่าวัตถุที่ว่านี้
บินเข้ามาและบินวนอยู่รอบ ๆ เครื่องเครื่องของ คุณ Parviz Jafari
จนดูเสมือนว่าเครื่องบินของ คุณ Parviz Jafari หยุดนิ่งอยู่กับที่
ก็คือวัตถุนี้ต้องบินเร็วมาก และสามารถจะบิินวนในลักษณะวงกลมได้ทั้ง ๆ
ที่บินเร็วกว่าระดับความเร็วเสียง ซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับวัตถุบินได้ทั่ว ๆ
ไปที่มนุษย์จะสร้างขึ้นได้ วัตถุนี้ดูเสมือนว่าถูกส่งออกมาจากยานแม่
เพื่อสำรวจว่าเครื่องบินนี้มีอันตรายใด ๆ หรือไม่ หลังจากบินวนเครื่อง
ของ คุณ Parviz Jafari พอสมควรวัตถุนี้ก็บินตรงกลับไปยัง
ยานแม่ของมันอีกครั้ง
คราวนี้วััตถุยานแม่ส่งวัตถุทรงกลมบินได้บางอย่างออกมาจากเครื่อง
มุ่งตรงมายังเครื่องบิน และเฉียดไปจากตัวเครื่องบินไม่มากนัก
ซึ่ง คุณ Parviz Jafari คิดว่าวัตถุนี้คงจะเจตนาโจมตีเครื่องบินของเขา
เขาจึงเตรียมระบบการตอบโต้ บนเครื่องมีขีปนาวุธที่วิ่งตามความร้อนได้
ซึ่งเขาเตรียมจะปล่อยมันออกไป ซึ่งสิ่งที่ไม่น่าจะเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อระบบ
ควบคุมการบิน ระบบนำวิถี ระบบการทำงานการปล่อยของอาวุธไม่สามารถ
ใช้งานได้ ไฟบนหน้าจอบอกพิกัดบอกตำแหน่งเครื่องดับหมด
เสมือนหนึ่งเครื่องบินกำลังพิการ
เขาคิดว่าเหตุการณ์นี้น่าจะมาจากวัตถุประหลาดนี้ส่งคลื่นแม่เหล็กความ
ถี่ที่สูงมากตรงมายังเครื่องบินของ คุณ Parviz Jafari
ก็ด้วยเหตุดังกล่าวทำใ้ห้ คุณ Parviz Jafari ไม่มีทางเลือก
ในตอนแรกเขาคิดว่าถ้าวัตถุนี้เข้ามาใกล้เขาจนถึงระยะประมาณ
4 ไมล์เขาอาจจำเป็นต้องสละเครื่องเพื่อเอาตัวรอด
หรือไม่เช่นนั้นก็คงจำเป็นต้องบินกลับฐานทัพ
ซึ่งในขณะที่เขากำลังบินตรงกลับไปยังฐานทัพอยู่
วัตถุที่ตามมานี้กลับบินถอยหลังและกลับไปยังยานแม่อีกครั้งและหายเข้า
ไปในยานแม่ ตอนที่บินกลับใกล้จะถึงฐานทัพ
มีวัตถุอีกลำบินตามเขามาแต่ที่น่าแปลกใจก็คือเมื่อ คุณ Parviz Jafari
มองข้ามหัวไหล่ไปมอง วัตถุนี้เหมือนจะตกลงไปในทะเลทรายก่อนที่
จะถึงเครื่องบินเขา จุดที่ยูเอฟโอตกนี้เข้าใจว่าน่าจะอยู่ในเขต Shemiran
หลังจากที่เขากลับมาถึงฐานทััพ
ก็เข้ารายงานตัวและรายงานถึงสิ่งที่ประสบมากับผู้บังคับบัญชาระดับสูง
ซึ่งดูเหมือนกับว่าจะมีเจ้าหน้าที่ CIA
ของอเมริกาอยู่ในสถานที่นี้ด้วยเพื่อสอบปากคำเขา
ในวันรุ่งขึ้นเขาถูกส่งไปยังทะเลทรายในจุดที่ิคิดว่ายูเอฟโอลำที่เห็นนี้ตก
แต่ว่าหลังจากนั้นก็ไม่มีรายงานใด ๆ ออกมา
เรื่องนี้คงยังเป็นความลับเสมอ
มาฟังจากปากคำโดยตรงของคุณ Parviz Jafari เองครับ