ยูเอฟโอลักพาวัว, Cattle Mutilation
ปรากฎการณ์การลักพาตัวของมนุษย์ต่างดาวมีเรื่องเล่ามากมายเลยครับ
แต่สุดท้ายไม่มีอะไรเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเป็นจริง ทั้งที่เป็นจริง
ยูเอฟโอไม่ได้เพียงแต่จะลักพาคนไปทำการทดสอบเท่านั้นครับ
แต่บางครั้งก็ลักพาสัตว์ไปทดสอบด้วย เท่าที่ติดตามอ่านมา
การลักพาคนแล้วมักจะถูกปล่อยออกมาเป็น ๆ
แต่คนคนนั้นจะจำเรื่องราวได้อย่างกะท่อนกะแท่น
แต่การลักพาสัตว์มักจะนำไปทำการทดลองบางอย่าง
หลายสิบปีก่อนมีคนพบเห็นปศุสัตว์ของเขาเองที่นอนตายกลางทุ่งหญ้าในสภาพ
ที่ ขาดครึ่ง โดยรอยขาดนั้นเรียบกริบราวกับถูกตัดด้วยมีดคม ๆ ในจังหวะเดียว
ผมมีเทป ยูเอฟโอที่กำลังลักพาวัว ในวีดีโอนี้ถูกกล่าวอ้างว่าถ่ายได้เมื่อปี 1983(
ร่วม 30 ปีแล้ว) ยูเอฟโอไม่มีความจำเป็นต้องส่งคนลงมาจับสัตว์เองครับ
เขามีพลังที่จะนำสัตว์ไปได้เองโดยใช้ลำแสงยกขึ้นไป
ผมพิจารณาดูแล้วเห็นแปลกดี วัวที่อยู่ยกขึ้นไปมีอาการตกใจดิ้นรนเล็กน้อย
อาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากก็ได้ ท่านชมและใช้วิจารณญาณครับ
สำหรับผมไม่ขอออกความเห็น
https://www.youtube.com/watch?v=vLo4MLqCNVY
Cattle Mutilation
นับตั้งแต่อดีตหลายร้อยปีมาแล้ว จนแม้กระทั่งถึงสมัยปัจจุบันนี้
มีกรณีที่เกิดการเสียชีวิตของปศุสัตว์ ที่ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ทั้งนี้ก็ไม่สามารถหาคำอธิบายใด ๆ ที่จะมาอธิบายได้อย่างมีเหตุมี
ผลที่สุด ส่วนใหญ่สัตว์ที่พบว่่าเสียชีวิตก็จะเป็น วัว, ม้า, แพะ, แกะ
หรือปศุสัตว์ชนิดที่มนุษย์นิยมเลี้ยงกันเพื่อนำไปใช้งานหรือนำไป
ขายหรือนำไปเป็นอาหาร ซากศพของปศุสัตว์ที่พบจากการสำรวจ
อย่างละเอียดแล้ว พบว่ามันน่าทึ่งและน่าตกใจเป็นอย่างมากว่ามันจะ
เสียชีวิตเช่นนี้ได้อย่างไร จากรายงานสิ่งที่ตรวจพบจากร่างกายสัตว์
ก็จะเป็น กรามที่ปาก, ตา, หู, เต้านม, ทวารหนัก, อวัยวะสืบพันธุ์ตัวผู้
เช่นอัณฑะหรืออวัยวะสืบพันธุ์เพศเมีย ช่องคลอด มดลูก หรือ
แม้กระทั่งลิ้นที่อยู่ในปากรวมไปถึงลิ้นในส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปในลำคอ
ก็ได้ถูกตัดออกด้วยของมีคมบางอย่างที่น่า
จะคมเป็นอย่างมากและก็มีความสะอาดมากด้วย หรือดูแล้วเป็นไป
ได้แม้กระทั่งถูกตัดออกด้วยแสงเลเซอร์ที่ใช้ในการผ่าตัดทางการ
แพทย์ รอยตัดรอยกรีดมีความประณีตมาก แม่นยำมาก และเรียบ
มากอย่างน่าเหลือเชื่อ
ลูกแกะตัวนี้เสียชีวิตลงอย่างปริศนาชนิดที่ไม่สามารถหาคำตอบที่
เหมาะสมมาอธิบายการตายของมันได้ จากการชันสูตรพลิกศพแล้ว
พบว่า ลิ้นในปากหายไป ดวงตาหายไป พบรูเปิดรูเจาะบนร่างกาย
คุณ David Cayton ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญวิจัยทางด้าน Animal
Mutilation กล่าวว่าจากการรวบรวมหลักฐานการตายของสัตว์ที่
ตรวจพบและได้ทำการตรวจพิสูจน์ชันสูตรอย่างละเอียดแล้ว จุด
หลัก ๆ ในตัวสัตว์ที่ถูกตัดอวัยวะออกไป(ถูก mutilate) ตาม
ภาพด้านล่างจะเป็นส่วนที่ระบายสีแดงไว้
ภาพด้านล่างนี้เป็นภาพที่ถ่ายไว้ในปี ค.ศ. 1993 โดยนายตำรวจ
ท่านหนึ่งชื่อคุณ Ted Oliphant ที่ได้รับแจ้งเรื่องปศุสัตว์เสียชีวิต
อย่างไม่ทราบสาเหตุ ปศุสัตว์ตัวนี้เป็นวัวเพศเมียตัวหนึ่งที่เสียชีวิต
อย่างไม่ทราบสาเหตุ เนื่องจากการถูก Mutilate อยากจะให้ท่าน
สังเกตุในส่วนของบาดแผลที่เห็นนี้ บาดแผลนี้ก็คือส่วนของเต้า
นมวัวที่ถูกตัดออกไปด้วยอะไรก็ไม่รู้ได้ บาดแผลที่เห็นเป็นวงรีที่
เรียบมากสังเกตุที่ขอบ ๆ ของวงรีแล้วมันเรียบร้อยมากไม่มีรอย
แหว่งหรือรอยฉีกขาดใด ๆ เลย ทั้งนี้แล้วมันยังเป็นการตัดที่เนียน
อย่างเหลือที่จะเชื่อเข้าไปได้ เพราะว่าเนื้อเยื่อในส่วนที่อยู่เหนือเต้า
นมวัวตัวนี้ แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้รับความเสียหาย พูดง่าย ๆ ก็คือดึง
เต้านมของวัวตัวนี้ไปอย่างเดียวจริง ๆ โดยไม่ทำความเสียหายใด ๆ
กับอวัยวะรอบข้างหรืออวัยวะด้านบนเลย และก็ไม่รอยเลือดสักหยด
ในที่เกิดเหตุ เต้านมวัวตัวหนึ่งราคาจะสักเท่าไรกันถึงต้องลงทุนกัน
มากขนาดนี้
ส่วนภาพด้านล่างนี้เป็นวัวตัวหนึ่งที่เสียชีวิตในอดีตอย่างปริศนาและ
ถูกถ่ายภาพไว้ ก็ลองเปรียบเทียบกับภาพด้านบนดูครับ ในส่วนของ
เต้านมสัตว์ถูกตัดออกไป
ซากของวัวตัวเมียตัวนี้ถูกพบที่ไอร์แลนด์เหนือ จากการชันสูตร
พลิกศพแล้วพบว่า ในส่วนของเต้านมถูกตัดไป อวัยวะสืบพันธุ์และ
อวัยวะขับถ่ายบางส่วนหายไป และก็เช่นเคยคือเนื้อเยื่อเส้นประสาท
บริเวณกรามด้านล่างหายไปอย่างสิ้นเชิง
ลูกวัวด้านล่างนี้ ดวงตาหายไป ใบหูหายไป แต่สิ่งที่น่าสงสัยยิ่งกว่า
นั้นคือ ป้ายหรือสัญลักษณะที่เกษตรกรติดที่ใบหูสัตว์ ซึ่งปกติมันจะ
ติดอย่างชนิดที่เรียกได้ว่าแน่นหนามาก ๆ คือเจาะเข้าไปในใบหู มัน
กลับมาหลุดออกมาจากใบหูได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งการหลุดออก
มาดูเหมือนกับว่า ป้ายหรือสัญลักษณะนี้ไม่ได้เกิดการเสียหาย หรือ
มีเศษเนื้อของสัตว์ติดออกมาเลย ซึ่งโดยปกติหากคนธรรมดา
สามารถแกะป้ายหรือสัญลักษณะที่ติดอยู่บนลำตัวของสัตว์หรือส่วน
ใดส่วนหนึ่งของสัตว์ออกได้อย่างง่าย ๆ แล้วละก็ การขโมยสัตว์หรือ
ปศุสัตว์ในฟาร์มก็คงจะกลายเป็นเรื่องขนม ๆ ไปได้เลย ซึ่งในความ
เป็นจริงทำได้ยาก ดูเหมือนกับว่าอะไรก็ตามที่ต้องการอวัยวะจาก
สัตว์ตัวนี้ไม่ต้องการจะนำสิ่งแปลกปลอมอย่างอื่นที่ติดอยู่บนตัวสัตว์
ไปด้วย จึงเลือกที่จะทิ้งเสียดีกว่าเพียงแต่เราไม่รู้ว่าเขาใช้เทคนิค
อะไรในการแกะป้ายอันนี้ออก
อยากจะให้ท่านพิจารณาดูบาดแผลแต่ละบาดแผลที่เจอบนสัตว์ตัว
นี้ครับ ดวงตาหายไป ใบหูหายไป ลิ้นหายไป เนื้อเยื่อและเส้น
ประสาทบริเวณกรามล่างหายไป
ม้าตัวนี้ด้านล่างชื่อ Rascal เป็นม้าเพศผู้อายุราว 2 ปีเศษ เป็น
ปศุสัตว์ในแคว้น Sussex ประเทศอังกฤษ ก่อนหน้าเพียงแค่สองวัน
มันยังมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี มาพบเป็นศพอยู่อย่างโดดเดี่ยว
กลางทุ่งหญ้า มีสภาพศพที่น่าสงสัยมาก
ศพม้าตัวนี้ที่มีสภาพที่แปลกมาก ถูกแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อ
ดำเนินการเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งจากนั้นเพียงวันเดียวก็เป็นข่าวใน
ท้องถิ่นขึ้นมา
นี่คือสภาพของศพที่พบบนม้าตัวนี้
ปกติแล้วลิ้นของสัตว์ที่พบจากการตายแบบแปลก ๆ นี้ มักจะถูกตัด
ออกไปด้วย แต่ลิ้นของม้าตัวนี้จากการตรวจสอบแล้วพบว่ายังอยู่
ครบไม่หายไปไหน
รอยตัดบริเวณคอ เป็นบาดแผลที่เรียบมากอย่างไม่น่าเชื่อดูคล้าย
ถูกตัดด้วยวัสดุทางการแพทย์ที่มีความทันสมัยมากและน่าจะมีขนาด
ที่ใหญ่มากด้วย อวัยวะภาพในลำคอ หลอดลม หลอดอาหาร คอหอย
หายไป
บริเวณทวารหนักถูกเจาะเข้าไปด้วยวัสดุบางอย่่างวัดความลึกได้
ประมาณ 5 นิ้ว
ม้าทั่วไปที่บริเวณขา จะมีส่วนหนึ่งที่ภาษาอังกฤษเรียกว่าเม็ด
เกาลัด(Chestnut) ซึ่งเม็ดเกาลัดของม้าตัวนี้ถูกตัดออกไปเช่นกัน
ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบ
ได้
https://www.youtube.com/watch?v=46h8Es8AaYM
ซึ่งตอนที่เคลื่่อนย้ายศพออกจากจุดที่เกิดเหตุด้วยรถเครนขนาดเล็ก
ตอนยกศพขึ้นมา ไม่มีแม้แต่เลือดสักหยด ไหลออกมาจากศพทั้งที่
บาดแผลบนตัวศพมีขนาดที่ใหญ่มากและมีหลายจุด
ส่วนด้านล่างนี้ก็เป็นม้าอีกตัวที่พบว่าเสียชีวิตอย่างประหลาดใน
ประเทศอังกฤษเช่นกัน ดูเหมือนจะอยู่ในแคว้นเลสเตอร์ และก็เป็น
ข่าวในท้องถิ่นเช่นกัน เป็นข่าววันอังคารที่ 8 กันยายน 2015
เจ้าของม้าตัวนี้คือคุณ Claire Watts ซึ่งคุณ Claire เธอยังเป็นผู้
เชี่ยวชาญทางด้านสัตว์วิทยา สัตวศาสตร์ ทางด้านกระดูกสันหลัง
ของสัตว์ด้วย ดังนั้นเธอจึงมีประสบการณ์เรืองของการตรวจสอบ
อาการเจ็บป่วยหรือการตายของสัตว์บ่อยครั้งมากทั้งงานนอกและ
งานของเธอเอง เธอยอมรับว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์ประหลาดอย่างนี้
มาก่อน ทั้งที่ก็ทำธุรกิจด้านการขุนม้ามาเป็นเวลาร่วม 20 ปีเข้าไป
แล้ว ปกติแล้วคุณ Claire จะมีม้าอยู่ในครอบครองโดยประมาณ 60
- 70 ตัว แต่ในบางช่วงมีม้าอยู่ในครอบครองมากเกิน 100 ตัวก็เคย
ซึ่งก็แน่นอนว่าหากคุณมีม้าอยู่ในครอบครองมากขนาดนี้ การเจ็บ
ป่วยของสัตว์ก็ย่อมจะต้องมีให้เห็นเป็นธรรมดา เพียงแต่กรณีนี้มัน
แปลกกว่าทุก ๆ กรณีที่เคยเห็นมา ธุรกิจคุณ Claire ขุนม้าเพื่อการ
แสดง ขุนม้าเพื่อใช้สำหรับเป็นพาหนะของคนพิการ เหตุการณ์นี้
คุณ Claire เจ้าของม้าตัวนี้กล่าวว่าช่วงของเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้น
ในช่วง 18.15 น. ในวันอาทิตย์ที่ 6 ถึงช่วงเวลา 10.30 น. ในวัน
จันทร์ ที่ 7 ตอนที่ไปเจอศพม้าในวันจันทร์มีม้าตัวอื่นในบริเวณ
เดียวกันนี้อยู่อีก 3 ตัวที่ปกติดี ไม่ได้ถูกทำร้ายหรือแตะต้องใด ๆ
เพียงแต่ม้าทั้งสามตัวนี้มีอาการตื่นกลัวมากเมื่อเห็นคน ศพม้าถูกเจอ
ในเวลา 09.30 น. ในวันจันทร์ ตอนที่เจอใหม่ ๆ คุณ Claire ได้
เข้าไปจับตัวสัตว์ดู พบว่าร่างกายมันยังไม่แข็งทื่อยังคงขยับได้อยู่
ซึ่งหมายความว่าม้าตัวนี้น่าจะยังเสียชีวิตมาไม่นานมากนัก
เธอแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ RSPCA คุณ Claire ส่งภาพ
ที่ถ่ายจากศพม้าไปให้ก่อน ซึ่งภายหลังจากการตรวจสอบแล้ว
หน่วยงานนี้แนะนำให้คุณ Claire เงียบไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หน่วยงาน RSPCA ซึ่งเข้ามาชันสูตรไม่เคยมอบหรือแจ้งรายงาน
ชันสูตรเลยให้เจ้าของม้าทราบ ทั้งที่ได้เข้ามาทำการชันสูตรตั้งแต่
วันที่ 8 กันยายน แล้ว
ศพของม้าตัวนี้จากการชันสูตรแล้วพบว่า อวัยวะบางส่วนถูกตัด
ออกไปด้วยอะไรบางอย่างที่ต้องคมมาก ๆ หูของม้าถูกตัดออกไป
ดวงตาหายไป เนื้อเยื่อและเส้น
ประสาทบริเวณปากด้านล่างหายไป ในขณะที่อวัยวะอื่น ๆ แทบจะ
ไม่ได้ถูกแตะต้องเลย ยังอยู่ครบถ้วน
Chestnut บริเวณที่ขา หายไป
พบแผลขนาดเล็กบริเวณท้อง
ม้าตัวนี้เป็นม้าเพศเมีย ในส่วนของเต้านมและหัวนม ถูกตัดไป
ศพของม้าตอนเจอ มันนอนตะแคงอยู่ คือเอาด้านขวาของ
ร่างกายขึ้น ก็ทำการพลิกศพขึ้นมาอีกด้านคือนำด้านซ้ายของศพ
ขึ้นเพื่อเปรียบเทียบดู พบว่อวัยวะยังค่อนข้างสมบูรณ์ เพียงแต่น่า
แปลกคือขนของสัตว์ด้านที่มันนอนทับอยู่ตอนตาย ลักษณะคล้าย ๆ
กับไม่เรียบคือดูคล้ายกับศพม้าถูกลากมา แต่ที่น่าแปลกคือมันไม่มี
ร่องรอยของการเคลื่อนย้ายศพหรือลากศพจากพื้นดินในบริเวณที่
พบศพ แต่กลับไปเจอรอยลากในอีกบริเวณที่อยู่กลาง ๆ ทุ่ง ซึ่งไกล
ออกไปพอสมควร ทั้งนี้ไม่สามารถพบรอยเลือดของสัตว์ ณ จุดใด ๆ
บนท้องทุ่งนี้ ซึ่งพยายามอย่างยิ่งที่จะหาเพื่อให้ได้หลักฐานที่
สมบูรณ์ รอยเลือดนี้เป็นหลักฐานที่สำคัญมาก ถึงกับค้นหาด้วยคน
ถึง 10 คนเลยทีเดียว ก็ตอนที่เคลื่อนย้ายศพออกจากทุ่ง จำเป็นจะ
ต้องลากศพไปขึ้นรถใส่ศพ ซึ่งก็ต้องใช้การลากไปไกลถึง 10 - 15
ฟุต ก็ยังไม่มีเลือดสักหยดออกมาจากตัวสัตว์
ศพที่พบอยู่ในบริเวณที่เงียบมากและไม่มีคน ไม่มีร่องรอยของการ
ลาก แม้แต่ตอนที่เคลื่อนย้ายศพของม้าตัวนี้ออกมา ต้องลากไปไกล
หลายสิบเมตรก็ยังไม่พบว่ามีเลือดสักหยดไหลออกมาจากตัวม้า อีก
ประการก็คืออวัยวะทั้งหมดของม้าตัวนี้ที่หายไปจากร่างกาย ไม่
สามารถหาหรือตรวจเจอในบริเวณนี้หรือในบริเวณที่ใกล้เคียงได้ จึง
สรุปได้ว่าไม่ว่าอะไร จะเป็นคนหรือมนุษย์ต่างดาวหรืออะไรก็ตามแต่
ที่ได้กระทำเรื่องนี้ลงไป เจตนาคือต้องการอวัยวะจากสัตว์ตัวนี้อย่าง
แน่นอนที่สุด
หลักฐานที่พอจะมีปรากฎจากฝ่ายรัฐ ว่าเขาพอจะทราบเรื่องหรือรู้
เรื่องนี้ไหมว่า แท้จริงมันคืออะไร ก็พอมีปรากฎเช่นกัน คือในปี
ค.ศ.1988 ทาง BBC ได้สอบถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
เกษตรของอังกฤษว่าได้ทราบหรือรู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ไหม ซึ่งเรื่องนี้คำตอบก็เป็นไปตามด้านล่างที่กล่าวออกมา คือเรื่อง
สัตว์ที่ถูก mutilate นี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากสำหรับหรับเกษตรกรที่
เป็นเจ้าของสัตว์หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็ได้ถูกส่ง
รายงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อ
ไป เพราะฉะนั้นแล้วจึงไม่ใช่หน้าที่ใด ๆ ของกระทรวงเกษตร ประมง
และอาหารที่จะให้ความเห็นใด ๆ เนื่องจากเรื่องนี้ได้ส่งไปยังหน่วย
งานที่เกี่ยวข้องหน่วยงานอื่นแล้ว
แกะตัวนี้ดวงตาถูกควักออกไป กล้ามเนื้อและเส้นประสาทบริเวณ
กรามและขากรรไกรด้านล่างถูกถลกออกและนำไปเหลือเพียง
กระดูก
ไม่เว้นแม้แต่สัตว์น้ำ เช่นแมวน้ำ ก็ยังมีบาดแผลและการตายที่เรียกว่า
แปลกมาก เนื้อส่วนอื่นอยู่ครบ หายไปเฉพาะเนื้อบริเวณกระโหลกศีรษะ
และในส่วนของอวัยวะสืบพันธุ์และอวัยวะขับถ่ายถูกตัดหายไป ทิ้งรอยตัด
ไว้เป็นรอยวงกลมที่กลมดิ๊ก โดยปกติแล้วถ้าสัตว์เลี้ยงหรือปศุสัตว์เกิดการ
เสียชีวิตลง มักจะไม่มีหรือได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าเสีย
ชีวิตหรือตายมาจากสาเหตุอะไร หลัก ๆ คือนำศพไปทิ้งหรือขุดหลุมฝัง
หรือนำไปเผา(มีบ้างที่ยังคงนำเนื้อไปรับประทาน) แต่ถ้าหากนำศพของ
สัตว์เหล่านี้ซึ่งมีหลายกรณีเหมือนกันที่เกิดขึ้นทั่วโลกมาตรวจสอบให้
ละเอียด ๆ แล้ว จะพบว่า มันเสียชีวิตลงในลักษณะที่เรียกว่า
"แปลกมาก ๆ" ท่านลองดูสภาพศพของแมวน้ำข้างล่างนี้ก่อนครับ
แมวน้ำตัวนี้ ดูจากสภาพศพแล้วไม่น่าที่จะเสียชีวิตมานานมากนัก สภาพ
เนื้อหนังยังคงสมบูรณ์อยู่ จะแปลกก็คือเนื้อส่วนศีรษะตั้งแต่คอขึ้นไปหาย
ไปจนไม่เหลือแม้แต่เนื้อเยื่อแม้แต่ชิ้นเล็ก ๆ เหลือเพียงกระดูกขาว ๆ ซึ่ง
ผิดปกติวิสัยที่หากศพนี้เกิดจากการเน่าสลายตามธรรมชาติ ซึ่งหาก
เป็นการเน่าสลายตามธรรมชาติแล้ว เนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ ของ
ร่างกายก็ควรจะเน่าสลายไปด้วย และมันก็น่าจะเหลือเนื้อเยื่อเล็ก ๆ น้อย ๆ
บ้างในส่วนของศีรษะ กระโหลกศีรษะขาว ๆ ที่เห็นในภาพนี้จากการตรวจ
สอบแล้วพบว่าลูกตาทั้งสองข้างหายไป สมองหายไป ปาก ลิ้น จมูก หาย
ไป เหงือกในปากหายไป
คล้ายกับถูกถอดออกไปเฉย ๆ โดยที่รอยต่อของคอกับกระโหลกกลับจะ
ยังมีเนื้ออยู่และอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากด้วย กระ
โหลกขาว ๆ ที่เป็นส่วนต่อกับเนื้อเยื่อส่วนคอที่ยังใหม่ ๆ อยู่ ก็ดูเป็นรอยที่มี
ความเรียบมากแทบจะมองเห็นเป็นเส้นตรง เป็นรอยตัดที่ตรงมาก ตรง
นี้ก็ยากที่จะอธิบายว่าถูกสัตว์นักล่าสังหารและกินไป ซึ่งหากถูกสัตว์นักล่า
กินมันก็น่าจะไปกินส่วนหลัก ๆ ที่มีเนื้อมาก ๆ เช่นลำตัว
สำหรับเหตุการณ์สัตว์ที่ถูก Mutilate นี้ จากรายงานที่ได้รับทั่วโลก
แล้วพบว่า แม้กระทั่งสัตว์ป่าก็ยังปรากฎในรายงานเช่นกันว่าเกิด
เหตุการณ์นี้
สุนัขป่าที่เห็นในภาพ ที่กลางหน้าผากของมันมีรูกลมดูคล้ายกับถูก
กระสุนยิง แต่จากการตรวจสอบชันสูตรอย่างละเอียดแล้วพบว่า
ไม่ใช่คือไม่ได้เกิดจากการถูกยิงหรือถูกล่า แต่ถูก Mutilate สมอง
ด้านในสูญหายไป
แต่ละบาดแผลที่พบบนซากสัตว์เหล่านี้ มันดูน่าสยดสยอง
มาก แผลแต่ละแผลมีความแม่นยำในการตัดการเฉือน บาดแผล
เรียบร้อยมาก ถูกตัดได้อย่างแม่นยำด้วยวัสดุบางอย่างที่ต้องคม
มาก ๆ หรืออาจจะเป็นแสงเลเซอร์
ความแปลกประการต่อไปก็คือไม่
พบว่ามีเลือดหลงเหลืออยู่ในร่างกายสัตว์ ภาษาอังกฤษมีคำศัพท์
เรียกว่า exsanguinated(สูบเลือด) ไม่มีรอยเลือดใด ๆ
กระเด็นหรือตกอยู่ในบริเวณรอบตัวสัตว์หรือบริเวณใกล้เคียง ไม่มี
รอยเท้าของสัตว์ที่ตายเหยียบย่ำอยู่ในบริเวณรอบ ๆ หรือแม้แต่รอย
เท้าของสัตว์หรือคนที่น่าจะต้องพบเห็นได้ในบริเวณรอบ ๆ ตัวสัตว์ที่
ตายนี้ ไม่มีร่องรอยของสัตว์นักล่าเช่น หมาป่า หมาจิ้งจอก เสือ
สิงโต ฯลฯ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงหรือบริเวณรอบตัวสัตว์ ไม่มีร่อง
รอยของการอุจจาระหรือปัสสาวะของสัตว์ที่น่าจะต้องมีหากเกิดการ
ต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักจนถึงขนาดเสียชีวิตตกเรี่ยราดอยู่ในบริเวณนี้
หรือบริเวณใกล้เคียง ไม่มีร่องรอยการต่อสู้การแหวกของหญ้าหรือ
การไถการครูดของหญ้าที่เกิดจากการดิ้นรนต่อสู้หรือขัดขืน มัน
คล้ายกับว่าสัตว์ตัวนี้ถูกนำไปจากจุด ๆ หนึ่งที่มันใช้ชีวิตอยู่ ไปยัง
สถานที่อีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งสถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ที่ทำให้สัตว์
เสียชีวิตและทำการตัดอวัยวะหรือสูบเลือดเลือดทั้งหมดออกไปจาก
ร่างกายของสัตว์ตัวนี้(เรียก Mutilation) หลังจากจบภารกิจนี้แล้วก็
นำสัตว์นี้มาหย่อนลงไปยังจุด ๆ นี้ ก็มีหลายกรณีที่มีผู้คนพบ
อากาศยานแปลก ๆ เคลื่อนที่อยู่บริเวณที่เจอซากสัตว์นี้ก่อนที่จะมี
คนมาเจอซากสัตว์ตัวนี้
ภาพด้านล่างนี้เป็นรอยประหลาดที่ถูกพบในบริเวณที่พบว่ามีสัตว์
ถูก Mutilate เป็นลักษณะรอยจิกลงไปในพื้นดิน มีสามรอย รอยจิก
นี้ถูกจิกลึกลงไปในดินพอสมควรทีเดียวบ่งบอกว่ายานพาหนะหรือ
วัสดุใด ๆ ที่มาสร้างรอยเจาะนี้ต้องมีน้ำหนักพอประมาณเหมือนกัน
บางสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ Mutilation จากรายงานจะพบเห็นรอย
บางอย่างบนพื้นหญ้า อย่างเช่นภาพด้านล่างนี้ รอยที่เห็นนี้มีขนาด
เส้นผ่านศูนย์กลาง 6 เมตร โดยมีความกว้างของรอยหญ้าที่หายไป
ประมาณ 1 ฟุต
สาเหตุที่ใช้คำว่าหย่อนลงไป ก็เพราะว่ามันเป็นคำอธิบายที่
น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดหากเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมที่ซาก
สัตว์ตัวนี้นอนเสียชีวิตอยู่ เนื่องจากว่ามันไม่มีหรือเหลือร่องรอยใด ๆ
ให้ทำการตรวจสอบได้เลย ถ้าเป็นการทำโดยคนมันก็น่าจะมีหลัก
ฐานอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง รอยเท้า กระป๋องน้ำ บุหรี่ น้ำลาย อุจจาระ
ปัสสาวะ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ฯลฯ หรือแม้แต่ตอนที่สัตว์ตัวนี้
ก่อนเสียชีวิตจะถูกนำไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกนำตัว
ไปโดยการยกขึ้นจากพื้นดิน เพราะว่าหากเป็นการต้อนหรือใช้กำลัง
บังคับแล้วมันก็น่าจะหลงเหลือหลักฐานไม่มากก็น้อยให้พบเห็นได้
เช่นกัน
สัตว์ที่เสียชีวิตอยู่นี้ หากยังมีชีวิตน้ำหนักของมันหนักเกือบ
ๆ 1 ตัน(1,000 กิโลกรัม) มันก็เลยเกิดคำถามว่าคนที่ไหนมันจะบ้า
ไปขโมยสัตว์ชาวบ้านเพื่อที่จะนำไปตัดเอาแค่อวัยวะบางส่วนออก
โดยไม่สนใจกับเนื้อของมันเลยซึ่งเนื้อของมันมากกว่าที่จะเป็นส่วนที่
บริโภคได้หรือไปจำหน่ายต่อได้ หรือนำไปจำหน่ายต่อทั้งตัวเป็น ๆ ก็
ยังจะได้ราคาเช่นกัน เขาพาสัตว์ที่ตายนี้ไปได้อย่างไร ใช้อะไรมา
ยกมาขน ทำไมเจ้าของสัตว์ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงร้องของสัตว์
เสียงคนขโมย เสียงรถที่น่าจะวิ่งเข้ามา แล้วที่แปลกที่สุดคือถ้าขโมย
สัตว์ตัวนี้ไปได้แล้ว จะนำกลับมาคืนอีกทำไม สัตว์ที่ตายนี้เจ้าของ
ของมันยืนยันว่า มันเป้นสัตว์เลี้ยงที่มีสุขภาพสมบูรณ์ทุกอย่างไม่มี
หรือไม่เคยพบเห็นอาการเจ็บป่วยของมัน
ภาพด้านล่างนี้เป็นภาพภาพหนึ่งที่ถูกถ่ายไว้ในอดีต ในภาพเป็นวัว
ตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มาก เสียชีวิตลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ อวัยวะ
ส่วนอื่น ๆ ยังอยู่ครบ แต่ว่าเนื้อเยื่อบริเวณใบหน้า คาง ลิ้น ลูกตา
กรามล่างหายไป รอยตัดเรียบมาก
คำถามต่อไปก็คือแล้วสัตว์เหล่านี้ก่อนตาย มันจะไม่ดิ้นรนต่อสู้หรือ
ขัดขืนบ้างเลยหรือ เพราะว่าสัตว์แต่ละตัวที่พบก็มีขนาดไม่ใช่เล็ก ๆ
มันควรจะเกิดการต่อสู้ ดิ้นรน ไม่ยอม ตรงนี้เป็นคำถามที่ตอบไม่ได้
ชัดเจนนัก แต่ว่าจากสภาพศพของสัตว์ตัวหนึ่งเป็นวัว(ตามภาพด้าน
ล่างนี้)
จากสภาพศพของวัวตัวนี้แล้ว สันนิฐานว่าก่อนตายร่างกายส่วนอื่น
ของวัวตัวนี้น่าจะถูกทำให้เป็นอัมพาตหมด แต่มีส่วนหนึ่งที่ยังพอ
ดิ้นรนขยับได้ นั่นคือส่วนของศีรษะ จะสังเกตุเห็นว่าวัวตัวนี้ก่อนตาย
คงจะเจ็บปวดมากถึงกับใช้หัวไถไปมากับพื้นดิน จนเกิดการขุดเป็น
หลุมลึกลงไปในดินเลย แต่ว่าร่างกายส่วนอื่นกลับไม่ขยับดูได้จาก
พื้นดินโดยรอบ
เคสด้านล่างนี้พบเจอในเขตแดนประเทศอาร์เจนติน่า ปี ค.ศ.2000
วัวที่เห็นในภาพนี้ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียวยังมีสุขภาพร่างกายที่
สมบูรณ์ วัวตัวนี้เสียชีวิตจากขาหักและกระดูกหลายท่อนเกิดการหัก
คล้ายกับถูกโยนหรือถูกปล่อยลงมาจากนี้สูง และเนื้อเยื่อเส้น
ประสาทบริเวณกรามล่างและคางหายไป อวัยวะภายในร่างกายหลา
ยอวัยหายไป โดยที่มีร่องรองของรูเปิดอยู่บริเวณบางจุดในร่างกาย
คือที่ทวารหนักพบรูเปิดคล้ายรูเจาะเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ
15 เซ็นติเมตร ที่ทราบว่าอวัยวะภายในได้หายไปก็เพราะว่าเจ้าของ
ปศุสัตว์ตัวนี้ได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นถึงสัตว์เลี้ยงที่ตายลงใน
ลักษณะที่แปลก เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาถึงพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่
ชันสูตร ทำการผ่าพิสูจน์แล้วพบว่าอวัยวะภายในได้สูญหายไป
"ใครเป็นคนทำ"
ประมาณวันที่ 7 กันยายนในปี 1967 ในรัฐโคโลราโด ม้าตัวหนึ่ง
ในปศุสัตว์ของครอบครัวคุณ Agnes King เสียชีวิตอย่างไม่ทราบ
สาเหตุหรือกระทั่งไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุการเสียชีวิตได้ ม้าตัว
นี้เป็นม้าเพศเมียชื่อ Snippy อายุไม่มากเป็นม้าสาว มันไม่กลับมาที่
คอกเพื่อดื่มน้ำทั้งที่ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนมาก ก็สอง
วันผ่านไปประมาณวันที่่ 9 กันยายน ลูกชายคุณ Agnes King ไป
พบม้าตัวนี้นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้น
ความแปลกก็คือเนื้อส่วนอื่น ๆ ไม่ได้ถูกแตะต้องเลย เนื้อส่วนที่หาย
ไปจะเป็นเนื้อในส่วนของคอม้าและศีรษะรวมทั้งใบหน้า ทั้งนี้ไม่พบ
เจอรอยเลือดหรือหยดเลือดใด ๆ ในบริเวณนี้หรือในตัวม้า เว้นแต่มี
กลิ่นแปลก ๆ คล้ายกลิ่นยาบริเวณที่ม้าตัวนี้นอนตายอยู่
ในวันรุ่งขึ้น คุณ Agnes เดินทางไปยังจุดที่พบศพม้ากับพี่เขย
และพี่สะใภ้ของเธอคือคุณ Berle และคุณ Lewis จากการสำรวจ
โดยรอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ไปพบกับก้อนเนื้อก้อนหนึ่งซึ่งน่าจะ
เป็นของม้าตัวที่เสียชีวิตนี้ คุณ Lewis ไปหยิบก้อนเนื้อนี้ขึ้นมาปรา
กฎว่ามันมีของเหลวสีเขียว ๆ ไหลออกมาจากเนื้อก้อนนี้เมื่อไปถูกมือ
ที่จับมันปวดแสบปวดร้อนมาก ทั้งนี้แล้วจากการสำรวจบริเวณโดย
รอบอย่างละเอียด(ประมาณ 5000 ตารางหลา) พบว่ามีอยู่ 15 จุด
บนพื้นดินที่มีรอยแปลก ๆ คล้ายกับรอยจิกกลม ๆ อยู่บนพื้นดินทั้งนี้
แล้วกลิ่นคล้ายยาที่พบก็พอมีเช่นกัน แต่น้อยกว่าจุดที่พบศพม้า
ในวันรุ่งขึ้น คุณ Lewis แจ้งเรื่องนี้กับทางการป่าไม้ ให้เข้ามา
สำรวจตรวจสอบ ซึ่งทางการก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่คนหนึ่งชื่อ
คุณ Duane Martin เพื่อเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งคุณ Martin ก็ได้
ทำการตรวจสอบบริเวณโดยรอบและทดลองใช้เครื่องตรวจจับรังสี
เพื่อทดลองตรวจวัดระดับของรังสีดู ปรากฎว่า จุดที่ห่างจากศพม้า
ประมาณ 2 ช่วงตึกมีปริมาณรังสีที่มากผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง
คุณ Martin เองก็ยังยอมรับว่าเป็นการเสียชีวิตที่แปลกมากเทียบ
กับประสบการณ์ที่เคยพบเห็นมา
คุณ Lewis ส่งเรื่องนี้ไปยังหลายหน่วยงานที่คิดว่าจะสนใจที่จะ
เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุให้ชัดเจน สุดท้ายเรื่องการตายของม้า
Snippy นี้ก็กลายเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์จนได้ ในวันที่ 5 ตุลาคม
ค.ศ.1967 มีการสอบถามกันว่าในระหว่างวันที่เกิดเรื่องมีใครใน
มลรัฐโคโลราโดไหมที่พบเห็นเหตุการณ์แปลก ๆ เช่นนี้ ซึ่งก็มีชาว
บ้านในรัฐนี้บางท่านแจ้งมาว่าได้พบเห็นแสงสีแดงประหลาด เป็น
แสงสามจุดบนท้องฟ้า เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเป็นอย่างมากและส่ง
เสียงคำรามเสียงทุ้ม ๆ มีนักพยาธิวิทยาท่านหนึ่งซึ่งเชี่ยวชาญใน
เรื่องการชันสูตรพลิกศพ พิจารณาจากภาพถ่ายของ Snippy ซึ่งถูก
ถ่ายไว้อย่างละเอียดหลายภาพแล้ว กล่าวว่า จากการพิจารณาอย่าง
ละเอียดตามภาพแล้ว สมองหรือมันสมองของม้าหายไปคือไม่อยู่ใน
ที่เกิดเหตุ กระดูกคอม้าที่เห็นในภาพมันควรจะยังเหลือหรือมีเส้น
ประสาทอยู่(Spinal Column) ก็ไม่พบว่ามีเหลือ ทั้งนี้แล้วกระดูกบน
คอม้าทั้งหมดรวมทั้งบนใบหน้าและศีรษะของม้า ก็ดูจะเรียบร้อยมาก
จนน่าเหลือเชื่อ ไม่ได้เกิดความเสียหายใด ๆ เลยซึ่งยากมากหากจะ
ไปชำแหละม้าตัวนี้ด้วยมีดหรือของมีคม เพราะว่าเนื้อสัตว์กับกระดูก
ของสัตว์มันอยู่ชิดติดกัน หากจะไปชำแหละเนื้อออกมาจากกระดูก
อย่างไรเสียมีดหรือของมีคมที่ใช้ก็น่าจะไปกระทบและสร้างความ
เสียหายกับกระดูกไม่มากก็น้อย หรือน่าจะมีกระดูกบางชิ้นแตกหัก
จนหลุดออกมา แต่ดูจากภาพแล้วกระดูกทุกชิ้นอยู่ครบสมบูรณ์
แม้แต่ฟันของม้าซึ่งเป็นกระดูกชิ้นเล็ก ๆ หลาย ๆ ชิ้นเรียงติดกันก็ยัง
อยู่ครบทุกซี่แทบจะเรียกว่าไม่ถูกแตะต้องเลยซึ่งในทางปฎิบัติแล้ว
ยากมากที่จะเลาะเนื้อออกจากกระดูกให้ได้ความละเอียดขนาดนี้
อย่างไรเสียก็น่าจะต้องมีหยดเลือดมีเศษเนื้อเล็ก ๆ น้อย ๆ ตกให้
สังเกตุเห็นได้ และดูจากด้านในช่องท้องแล้วดู
เหมือนอวัยวะภายในก็จะหายไปด้วย บาดแผลและอวัยวะอื่น ๆ ที่
หายไปดูเสมือนกับว่าถูกตัดออกไปด้วยอะไรที่มีความร้อนสูงมาก ๆ
ซึ่งอาจจะเป็นแสงเลเซอร์
เฉพาะเดือนเมษายน ถึง เดือนตุลาคมในปี ค.ศ.1975 เพียงปี
เดียวมีรายงานปศุสัตว์ถูก Mutilate ในมลรัฐโคโลราโดเพียงมลรัฐ
เดียวมากถึง 200 กรณี ระหว่างปี ค.ศ.1970 - 1979 มีรายงานมาก
เป็นพลายพันกรณี สร้างความสูญเสียคิดเป็นจำนวนเงินมหาศาล ใน
ความเป็นจริงบันทึกรายงานปศูสัตว์ที่ถูก Mutilate นั้นมีบันทึกมา
นานมากตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 แล้ว
กรณีของปศุสัตว์ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ และเป็นการตายที่ผิด
จากธรรมชาติเนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายหรือเฉือนอวัยวะบางส่วน
ออกไป เป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลสหรัฐห่วงใยเช่นเดียวกัน ในปี
ค.ศ.1975 ท่านวุฒิสมาชิกของมลรัฐโคโลราโด คุณ Floyd K.
Haskell ร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงาน FBI ให้ทำการตรวจ
สอบเรื่องดังกล่าวโดยด่วนที่สุด เพราะว่ามันมีรายการสัตว์ที่ถูก
Mutilate ในระยะเวลาใกล้เคียงถึง 9 มลรัฐด้วยกัน โดยเฉพาะใน
มลรัฐโคโลราโดรัฐเดียวมีกรณีมากถึง 130 กรณี ซึ่งมันก็น่าจะมี
กรณีที่มากกว่านี้อย่างแน่นอน เพราะว่าเจ้าของปศุสัตว์ส่วนใหญ่
หลีกเลี่ยงที่จะให้การกับเจ้าหน้าที่ อันเนื่องด้วยหลายสาเหตุ อาทิ
เช่นกลัวจะถูกกล่าวหาว่าให้การเท็จ กลัวจะถูกหัวเราะ กลัวว่าจะมีค่า
ใช้จ่ายในการต้องวิเคราะห์หรือชันสูตรสัตว์ที่ตายไปแล้ว ฯลฯ
ในปีค.ศ.1979 คำร้องขอนี้ถูกรับไว้เพื่อเป็นกรณีที่จำเป็นต้อง
ทำการตรวจสอบ
โปรเจคของ FBI นี้ถูกขนานนามตั้งชื่อไว้ว่า "Operation Animal
Mutilation" ตรงนี้เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ตามลิงค์ด้านล่างครับ
ถ้าจะถามว่ามีคนหรือเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ เคยหรือเคยเห็น
เหตุการณ์ตอนที่สัตว์ในฟาร์มถูก Mutilate บ้างหรือไม่ เพราะว่า
กรณีสัตว์ในฟาร์มที่ถูก Mutilate มันมีมากมายหลายคดี หลาย
พื้นที่ อย่างไรมันก็น่าจะมีเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์แห่งใดแห่งหนึ่งน่าจะ
ได้อยู่ในเหตุการณ์บ้าง ก็คือประมาณช่วง ค.ศ.1990 เจ้าของฟาร์ม
ปศุสัตว์ในแวนคูเวอร์ รายงานว่าสัตว์เลี้ยงในฟาร์มถูกทำร้ายจนเสีย
ชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุ และซากศพที่พบก็มีลักษณะการตายที่
แปลกมาก ก็มีพยานหลายคนเหมือนกันที่พอจะเห็นเหตุการณ์ คือ
กล่าวว่ามีเสียงดังทุ้ม ๆ มาจากบนท้องฟ้าก่อนที่ปศุสัตว์ในฟาร์มจะ
เสียชีวิต มีเจ้าของปศุสัตว์ท่านหนึ่งเห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอยู่ใน
บริเวณนั้นลักษณะคล้ายคน ในมือถือเครื่องมือแปลก ๆ อยู่
เหตุการณ์สัตว์ที่ถูก Mutilate นี้จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ก็ยังพอมี
รายงานอยู่เช่นกัน เช่นมีรายงานที่แคว้น Wales และที่ Shropshire
ประเทศอังกฤษในปี ค.ศ.2012
Human Mutilation
สถานที่ตั้ง White Sand ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐนิวเม็กซิโก
ถูกก่อตั้งในราวปี ค.ศ.1940 พื้นที่นี้ดูเหมือนจะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่งกว้างใหญ่มหาศาลแผ่นขยายกินพื้นที่ถึง 5
มณฑล(Counties) ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 3,200 ตารางไมล์ เป็น
อีกหนึ่งสถานที่ในสหรัฐฯ ที่ใช้ในการทดสอบอาวุธหนัก อาทิเช่น
ขีปนาวุธ
ในยุคสมัยของสงครามโลกครั้งที่สอง White Sand เป็นสถานที่
ที่ใช้ในการพัฒนาอาวุธอันทรงพลังที่สุดในยุคสมัยนั้น คือ อาวุธ
นิวเคลียร์ และก็ในเดือน กรกฎาคม ปี ค.ศ.1945 White Sand เป็น
สถานที่ที่จุดระเบิดทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกสุดของโลก ซึ่ง
นอกจากจะใช้สถานที่นี้ในการพัฒนาและทดสอบอาวุธนิวเคลียร์แล้ว
สถานที่นี้ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองยังเป็นสถานที่ที่ใช้ในการ
ทดสอบจรวด(จรวด V2)ที่ยึดมาได้จากฝั่งเยอรมันนีอีกด้วย ก็ด้วย
เทคโนโลยีที่ได้มา นักวิทยาศาสตร์ที่จับตัวมาหรือซื้อตัวมาถูกส่ง
มายังสถานที่ White Sand แห่งนี้โดยตรง ในอดีตแล้วตรงนี้เป็นอีก
หนึ่งโปรเจคลับ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่าโปรเจคเปเปอร์
คลิป(PaperClip Project) ซึ่งตรงนี้จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีคนสงสัยกัน
ว่า อาวุธลับชนิดต่าง ๆ ที่ยึดมาได้จากเยอรมันนีในตอนหลัง
สงครามโลกครั้งที่สองและถูกเคลื่อนย้ายมายังสถานที่แห่งนี้
โดยตรงนั้น มันน่าจะมีอาวุธที่มากกว่าจรวด หรือมีเทคโนโลยีอะไรที่
ล้ำมาก ๆ จนไม่อยากให้คนนอกรู้นำมาแกะนำมาถอดนำมาพัฒนา
เพิ่มเติม และดูเหมือนเทคโนโลยีบางอย่างจะมีผลมาจนถึง
เทคโนโลยีปัจจุบันที่เราเห็น ๆ กันเลย
และก็สถานที่ White Sand แห่งนี้เอง ก็คือหนึ่งในสถานที่ที่
มีคนพบเห็น UFO มากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ และก็ดูเหมือนกับว่า
รัฐนิวเม็กซิโกเอง ก็เป็นอีกหนึ่งในรัฐที่มีการพบเห็นยูเอฟโอมากติด
อันดับต้น ๆ รวมถึงเหตุการณ์ยูเอฟโอตกที่รอสเวลส์(เดือน ก.ค.
1947) ก็อยู่ในมลรัฐนิวเม็กซิโกนี้เอง
ในช่วงปี ค.ศ.1950 การทดสอบขีปนาวุธที่ White Sand
นี้ ก็มักจะมีรายงานตามมาจากเจ้าหน้าที่ว่าพบเห็นวัตถุประหลาดบิน
อยู่บนท้องฟ้าในบริเวณอันใกล้ วัตถุประหลาดที่เคลื่อนที่ทางอากาศ
นี้ไม่ได้แสดงอันตรายหรือแสดงว่าจะเป็นภัยคุกคามใด ๆ แต่คล้าย ๆ
กับว่ากำลังเฝ้าจับตาดูการทดสอบอยู่อย่างเงียบ ๆ ก็เท่านั้น ซึ่งตรง
นี้ทำให้นักวิเคราะห์เกิดข้อสงสัยไปต่าง ๆ นา ๆ เช่นว่าเป็นไปได้ไหม
ว่่าสถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่ที่ใช้ทดสอบอาวุธที่มี
เทคโนโลยีมาจากฝั่งเยอรมัน แต่อาจจะเป้นไปได้ว่าเป็นสถานที่ที่น่า
จะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีของอากาศยานประหลาดที่ตกในเมืองรอ
สเวลล์ด้วย ก็ด้วยเป็นสถานที่ที่ระบุว่าเป็นความลับขั้นสุดยอดและ
เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน CIA จึงยิ่งทำให้น่าเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะ
มีอะไรบางพิเศษกว่าสถานที่แห่งอื่น ๆ หรือหน่วยที่ตั้งทางทหาร
หน่วยอื่น ๆ ในสหรัฐฯ
เช้าวันหนึ่งในเดือนมีนาคม ค.ศ.1956 นายทหารสองนายถูก
ส่งออกไปทำภารกิจทางส่วนพื้นที่ทางใต้ของพื้นที่ทดสอบในเขต
White Sand ภารกิจของทหารทั้งสองนายนี้คือให้ไปตรวจสอบหรือ
ค้นหา เศษซากของขีปนาวุธที่อาจจะตกหล่นจากการทดสอบปล่อย
ขีปนาวุธเมื่อเย็นวาน ทหารทั้งสองนายนี้ตามข่าวที่ได้มาเป็นนาย
ทหารสัญญาบัตรคนหนึ่งชื่อ ผู้พัน William Cunningham และ
ทหารระดับประทวนอีกท่านชื่อ จ่า Jonathan Lovette ทหารทั้ง
สองนายนี้เป็นทหารที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการทดสอบขีปนาวุธนี้
โดยตรง มีหน่วยที่ตั้งฐานทัพ Holloman
ทหารทั้งสองนายนี้มาถึงจุดเริ่มต้นที่จะต้องทำการค้นหาใน
เวลาประมาณ 03.00 น. ลงจากรถพร้อมทั้งไฟฉายส่องสว่าง ต่าง
คนต่างไปยังจุดค้นหาที่ตนเองได้รับมอบหมายมา งานลักษณะเช่นนี้
สำหรับทหารทั้งสองท่านนี้ไม่ได้เป็นงานที่แปลกอะไร เพราะว่าเป็น
งานที่ได้รับมอบหมายให้ทำเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งภารกิจแบบนี้
ลักษณะนี้ก็เรียกว่าน่าเบื่อ เมื่อยล้า และผลสำเร็จก็มีมากบ้างน้อย
บ้างเพราะว่าพื้นที่ที่เดินตรวจสอบกินระยะทางที่ยาวและกว้างมาก
ซึ่งก็ไม่ทราบแน่ชัดได้ว่าเศษซากของขีปนาวุธจะไปตกที่จุดใดหรือ
บางทีอาจจะจมลงไปในทรายก็ได้ ก็ตอนแรกที่เดินสำรวจทหารทั้ง
สองท่านก็ยังเดินไปพร้อม ๆ กัน แต่สักระยะหนึ่งก็เริ่มแยกย้ายโดย
ผู้พัน William ก็เดินด้านหน้า ส่วนจ่า Jonathan เดินไปยังเนิน
ทรายอีกฝั่งเพื่อทำธุระส่วนตัวซึ่งก็เดินจากไปจากผู้พันโดยที่ไม่ได้
บอกกล่าวแต่อย่างใด ผู้พัน William ในตอนแรกก็ไม่ทันสังเกตุว่า
ตัวเองกำลังเดินแยกออกมาจากจ่า Jonathan แต่หลังจากเดินไป
สักพักหันกลับไปดูมองไม่เห็นจ่า Jonathan จึงมองกลับไปตามรอย
เท้าที่เดินมาแล้วเดินตามรอยเท้าที่เดินมากลับไป ในระหว่างทางที่
เดินกลับไป ปรากฎว่าผู้พัน William ได้ยินเสียงแหกปากร้องอย่าง
ดังของจ่า Jonathan ดังขึ้น มันเป็นเสียงที่ร้องอย่างโหยหวนและ
ก้องกังวาลด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
ในตอนแรกผู้พัน William เข้าใจว่าจ่า Jonathan น่าจะถูก
สัตว์ร้ายทำร้ายหรือไปเจอกับงูพิษจึงได้ออกเสียงร้องอย่างหวาด
กลัวขนาดนี้ บริเวณที่ทำการสำรวจนี้เป็นพื้นที่ต้องห้ามเป็นพื้นที่
เฉพาะในเขตของทหารไม่น่าจะมีบุคคลภายนอกหรือพลเรือนมาอยู่
ในบริเวณนี้ได้ ผู้พัน William ไม่รอช้าวิ่งขึ้นไปยังเนินทรายเนิน
หนึ่งเพื่อที่จะดูจุดที่ได้ยินเสยงร้องหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ชัด ๆ
แต่สิ่งที่ผู้พัน William มองเห็นในขณะนี้ทำเอาเขาแทบช็อกเพราะ
ว่าด้านหน้าของผู้พันตอนนี้ มีวัตถุประหลาดที่บินได้ลักษณะเป็น
โลหะทรงกลม(Metallic Disc) ลอยลำอยู่สูงจากพื้นประมาณ 15 -
20 ฟุต วัตถุประหลาดที่เห็นนี้ลอยลำอย่างเงียบสนิทไม่มีเสียงใด ๆ
ออกมาเลย และก็ดูไม่เหมือนกับวัตถุหรืออากาศยานชนิดใด ๆ ที่
เคยเห็นมาก่อนในกองทัพ ข้างใต้ยานพาหนะประหลาดนี้ดูไกล ๆ
คล้าย ๆ กับว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่แกว่งไปแกว่งมาคล้าย
งู เมื่อผู้พัน William ฉายไฟฉายที่ถือมาไปยังด้านล่างนี้ก็พบว่ามัน
ดูน่าจะคล้ายกับสายเคเบิลบางชนิด แต่ที่น่าประหลาดกว่านั้นคือที่
ปลายสายเคเบิ้ลนี้มันไปผูกหรือมัดเข้ากับขาข้างหนึ่งของคน ซึ่ง
เจ้าของขาข้างนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น คนคนนั้นคือจ่า Jonathan นั่นเอง
ซึ่งตอนที่ผู้พันเห็นนั้น จ่า Jonathan ก็ดูเหมือนกับกำลังต่อสู้และส่ง
เสียงร้องอย่างสุดชีวิตเพื่อให้รอดพ้นจากสายเคเบิ้ลประหลาดนี้ เท่า
ที่เห็นความพยายามของจ่า Jonathan ดูเหมือนจะไร้ผล เพราะสุด
ท้ายสายเคเบิ้ลประหลาดนี้ได้ทั้งดึงและลากจ่า ไปตามพื้นแล้ว
สุดท้ายก็ดึงจ่าขึ้นไปบนยานประหลาดลำที่ว่านี้ ผู้พัน William จน
ปัญญาที่จะให้การช่วยเหลือได้แต่มองตามยานพาหนะประหลาดลำ
นี้ที่บินหายลับไป
แทบจะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ผู้พัน William ลุกลี้
ลุกลนกลับไปที่รถจี๊บคันที่ขับมา วิทยุแจ้งไปยังฐานบอกกล่าวในสิ่ง
ที่พบเห็น ก็ไม่กี่นาที เฮลิคอปเตอร์ค้นหาพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่มาถึงที่
เกิดเหตุ สิ่งที่พบเห็นคือผู้พัน William กำลังนั่งอยู่บนพื้นทรายคน
เดียวโดยที่ไม่มีจ่า Jonathan เช้าในวันรุ่งขึ้น หน่วยค้นหาทำการ
ค้นหาแทบจะทุกตารางนิ้วในบริเวณนั้นแต่ก็ไม่สามารถพบจ่า
Jonathan ได้ คำให้การของผู้พัน William ที่ให้ไว้กับเจ้าหน้าที่
ระดับสูง ดูเหมือนจะไม่ถึงกับไร้สาระเลยทีเดียวเพราะว่าในตอนเย็น
วันที่เกิดเหตุนี้ ที่หอควบคุมการจราจรทางอากาศ เรดาห์ของหน่วย
ตรวจจับวัตถุบางอย่างที่เคลื่อนที่ทางอากาศซึ่งมีความเร็วในการ
เคลื่อนที่อย่างน่าทึ่ง ผู้พัน William แทบจะเรียกได้ว่าตกเป็นผู้ต้อง
สงสัยคนแรก เพราะว่าเหตุการณ์นี้มีผู้อยู่ในเหตุการณ์เพียงสองคน
ผู้พันถูกสอบปากคำนานถึงสามวันเต็มในสิ่งที่เกิดขึ้น จนกระทั่งมี
ข่าวเข้ามาว่า สามารถค้นเจออะไรบางอย่างในจุดที่ห่างจากจุดที่ผู้
พัน William ให้การไว้ว่าจ่า Jonathan ถูกลักพาตัวไป แต่จุดที่ว่านี้
ห่างออกไปถึง 10 ไมล์จากจุดที่ผู้พันกล่าวอ้างและสิ่งที่เจอก็คือศพ
ของจ่า Jonathan นั่นเอง
ศพหรือแทบจะเรียกว่าเศษซากก็น่าจะได้ ของจ่า
Jonathan ที่พบเห็นนี้ มันน่าสยดสยองมาก ศพอยู่ในสภาพเปลือย
กาย กระดูกกรามหายไปจากการตรวจสอบแล้วมันถูกตัดด้วยอะไร
บางอย่างที่มีความเที่ยงตรงมากตัดได้ลึกถึงหลอดลม บาดแผล
สะอาดมาก ลิ้นและตาถูกตัดออกไปและหายไปคาดว่าผู้ตัดน่าจะเก็บ
ไป อวัยะวะสืบพันธุ์และทวารหนักหายไปคือถูกตัดไปตามคำอธิบาย
ที่ระบุไว้คือถูกตัดอย่างชนิดที่ละเอียดมาก ๆ คือคล้ายกับหลอดไฟที่
ถูกดึงออกจากจุกหรือขั้วได้เลย(extracted like a plug) ซึ่ง
พิจารณาจากบาดแผลแล้วมันน่าจะถูกตัดด้วยอะไรบางอย่างที่เที่ยง
ตรงมากและคนตัดก็น่าจะต้องมีทักษะในการตัดหรือผ่าตัดมาก ๆ ที
เดียว สิ่งที่แปลกจนหาคำอธิบายไม่ได้คือไม่มีหยดเลือดหรือรอย
เลือดสักหยดในบริเวณที่พบศพจ่า Jonathan ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้
ไม่มีหลักฐานว่าอวัยวะภายในหรือระบบเส้นเลือดเกิดการล้มเหลว
อย่างฉับพลันไม่พบว่าจะมีแม้แต่รอยฉีกขาดของเส้นเลือดซึ่งถ้าจะ
นำเลือดออกไปจากร่างกายจนหมดได้มันก็คงต้องสูบต้องเจาะเข้า
เส้นเลือดใดเส้นเลือดหนึ่ง สิ่งที่อยู่ในรายงานบันทึกอีกอย่างก็คือ ใน
บริเวณที่พบศพจ่า Jonathan พบซากของนกตายอยู่ในบริเวณนั้น
ด้วย คล้าย ๆ กับว่านกเหล่านี้ไปกินศพ หรือบางชิ้นส่วนของศพจ่า
Jonathan แล้วเกิดการเสียชีวิตตามมาจากการกินเข้าไป สภาพศพ
ของจ่าในที่เกิดเหตุ อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากทั้ง ๆ ที่บริเวณนั้นเป็น
เขตทะเลทราย เป็นสถานที่เปิดและมีความร้อนสูง เป็นสถานที่ที่
เรียกได้ว่าเป็นสิ่งแวดล้อมที่เข้าถึงได้ยากที่สุดแห่งหนึ่งใน
สหรัฐอเมริกา
ผู้พัน William ถูกจับกุมและตั้งข้อหาในคดีฆาตกรรมจ่า
Jonathan สำนวนคดีถูกส่งขึ้นศาลทหารในข้อกล่าวหาว่า ผู้พัน
William ได้ทำการฆาตกรรมผู้ใต้บังคับบัญชา จากนั้นได้ทำการตัด
อวัยวะบางจุดของซากศพออก และทำการซ่อนเร้นอำพราง จากนั้น
จึงกุเรื่องตามที่ได้กล่าวมาแล้วขึ้นมาเพื่อให้การฆาตกรรมครั้งนี้ดูสม
เหตุสมผลว่าผู้พันไม่ได้เป็นคนทำ
แต่โชคยังเข้าข้างผู้พัน William เพราะว่ากรณีนี้ ศาลมีคำ
พิพากษายกฟ้อง และให้ปล่อยตัวโดยไม่มีข้อกล่าวหาใด ๆ จากหลัก
ฐานที่ได้เจอมาและศพของจ่า Jonathan มันไม่สามารถจะเชื่อได้ที่
ว่าจะมีคนย้ายศพไปได้ไกลเป็นสิบไมล์ และตัดอวัยวะเพียงบางส่วน
ไปด้วยอุปกรณ์ที่มีความละเอียดแทนที่จะทำร้ายร่างกายด้วยการ
ทุบตี เตะต่อย หากมีการกระทบกระทั่งกันจริง จนถึงทุกวันนี้การเสีย
ชีวิตของจ่า Jonathan ก็ยังคงเป็นปริศนาให้ขบคิด เป็นที่ทราบกัน
ดีในหมู่ทหารในกองทัพสหรัฐฯ ว่า ทางรัฐบาลสหรัฐฯ มีนโยบายมา
ตั้งนานแล้วว่าไม่ให้มีการเปิดเผยข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับยูเอฟโอ
หากว่ามีนายทหารหรือหมู่ทหารในกองทัพสหรัฐฯ เจอหรือมี
ประสบการณ์ และดูเหมือนจะเพิกเฉยต่อการตรวจสอบเหตุการณ์ยู
เอฟโอด้วย มาตั้งแต่เหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่สองแล้วเช่น
กรณีการพบเห็น Foo Fighter แต่ในทางลับคงจะมีการตรวจสอบ
เพียงแต่ไม่ยอมเปิดเผย ยิ่งเหตุการณ์นี้มาเกิดในเขตทหาร White
Sand Area ซึ่งเป็นเขตทหารที่มีความมั่นคงสูงอันดับต้น ๆ ของ
สหรัฐฯด้วยแล้ว หากมีการแพร่งพรายออกไป ความน่าเชื่อถือ
ของกองทัพสหรัฐฯ ก็จะลดลงไปด้วย
ปี ค.ศ.1979 นายพรานล่ากวางสองคนในพื้นที่ Bliss and
Jerome มลรัฐไอดาโฮ สหรัฐฯ เจอศพชายคนหนึ่งในสภาพเปลือย
กายในป่าที่ห่างไกลจากผู้คน สภาพศพที่เจอคือ ริมฝีปากหายไป
อวัยวะสืบพันธุ์หายไป ของใช้ส่วนตัวของเขาถูกพบกลางป่าห่าง
ออกไปหลายไมล์ทีเดียว เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาตรวจสอบสภาพศพ
แล้วลงความเห็นว่าชายผู้นี้น่าจะเป็นคนจรจัดคนหนึ่งซึ่งน่าจะเสีย
ชีวิตจากการดื่มหนักและศพก็ถูกสัตว์แถว ๆ นั้นมาแทะเนื้อไปกิน
ข้อสรุปนี้ดูไม่สมเหตุสมผลกับนายพรานทั้งสองที่มาพบศพเป็นคน
แรก
guarapiranga reservoir mutilation
ในราวปี ค.ศ.1981 มีเมืองในชนบทเมืองหนึ่งในประเทศ
บราซิลซึ่งมีการพบเห็นยูเอฟโอมากจนผิดปกติ ชาวบ้านท้องถิ่นตั้ง
ชื่อสิ่งที่เห็นนี้ว่า Chupas ก็ในบังเอิญมีวันหนึ่งมีเด็กวัยรุ่นชายสอง
คน ชื่อ Abel Boro และชื่อ Rivamar Ferreira ไปบังเอิญเจอวัตถุ
ประหลาดที่เคลื่อนที่บนท้องฟ้าโดยบังเอิญ วัตถุประหลาดที่ว่านี้ส่อง
แสงบางอย่างลงมายังชายทั้งสอง Rivamar Ferreira ตัดสินใจวิ่ง
หนีไม่คิดชีวิตในขณะที่ Abel Boro เมื่อโดนลำแสงนี้เข้าเต็ม ๆ ก็ถึง
กับเป็นอัมพาตไม่สามารถจะวิ่งหนีได้ Rivamar Ferreira วิ่งเข้าไป
ในหมู่่บ้านแล้วบอกเรืองราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้คนในหมู่บ้านและเจ้า
หน้าที่ท้องถิ่นรู้ ผู้คนพากันเดินกลับมายังที่เกิดเหตุ สิ่งที่พบเห็นคือ
Abel Boro ตอนนี้นอนอยู่และเสียชีวิตแล้ว ร่างกายเป็นปกติทุก
อย่างยกเว้นในร่างกายไม่เหลือเลือดแม้แต่หยดเดียว
ประมาณปี ค.ศ.1988 พบศพชายในวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งศพ
ที่พบนี้จากการตรวจสอบพบว่าถูก Mutilate บริเวณหนองน้ำแห่ง
หนึ่งในประเทศบราซิล คดีนี้เรียกว่าเป็นหนึ่งในคดีที่มนุษย์ถูก
Mutilate ที่น่าสงสัยและน่าสยดสยองอีกคดีหนึ่งที่มีการบันทึก
คำถามก็คือใครเป็นคนทำ เรื่องก็คือในบ่ายวันหนึ่งของวันที่ 29
กันยายน ค.ศ.1988 ตอนใต้ของเมืองเซาท์เปาโล ณ อ่างเก็บน้ำ
แห่งหนึ่ง
ก็มีเด็กคนหนึ่งกลับมาจากโรงเรียนแล้ว ไปเดินเล่นนำหนัง
สติ๊กไปเพื่อไปยิงนก ยิงสัตว์เล็กน้อย ตามประสาที่เคย ๆ ทำมา จาก
การเดินไปเรื่อย ๆ เด็กชายคนนี้มองเห็นนกฝูงหนึ่งดูเหมือนกำลังทึ้ง
อะไรบางอย่างบนพื้นห่างออกไปจากจุดที่เดินไม่มากนัก เด็กชาย
คนนี้ยิงกระสุนจากหนังสติ๊กที่ถือมาไปยังนกฝูงนี้แล้วเดินเข้าไปดู
ใกล้ ๆ สิ่งที่เจอคือศพคน
ลักษณะรูบนร่างกายที่ถูกเจาะลักษณะเช่นนี้ จากประสบการณ์การ
ชันสูตรสัตว์แล้วพบว่ามีลักษณะที่คล้ายกันมาก เป็นรูที่มีความคม
ชัด เรียบ และลึก บาดแผลสะอาด ซึ่งไม่ชัดว่าใช้เครื่องมือชนิดใด
ทำ
อยากจะให้ท่านดู รูบนร่างกายที่ปศุสัตว์ตัวที่เสียชีวิตถูกเจาะเปรียบ
เทียบกับรูที่อยู่บนตัวศพของชายบราซิลคนนี้
ด้วยความตกใจ เด็กชายคนนี้รีบวิ่งกลับไปยังหมู่บ้านแล้วเล่า
เรื่องที่เจอให้ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านทราบ ก็มีการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และเจ้าหน้าที่หน่วยอัคคีภัยจากหน่วย Santo Amaro มายังสถานที่
เกิดเหตุ จากการประเมินซากศพคนตายที่เจอนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ที่มาสรุปว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่และน่าจะเกินความสามารถที่จะ
พิสูจน์ได้ จึงมีการเรียกหน่วยงานอื่นเข้ามายังพื้นที่เพิ่ม พื้นที่ถูกกั้น
สายปิด เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมและหน่วยแพทย์ถูกเรียกเข้ามายัง
พื้นที่นี้ ข่าวนี้เริ่มมีชาวบ้านรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังไม่เป็นข่าวใน
หนังสือพิมพ์ฉบับเย็นหรือเป็นข่าวในทีวี
ศพที่พบถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่เฉพาะในตอนดึกของคืน
วันนั้น เรื่อง ๆ นี้ดูเหมือนจะเงียบหายไปตั้งแต่วันที่มีการเคลื่อนย้าย
ศพออกจากพื้นที่ จะมีก็เพียงอีกสองถึงสามวันต่อมาที่ยังพอจะมีเจ้า
หน้าที่มาตรวจสอบในที่เกิดเหตุบ้าง แต่ไม่มาก จากนั้นเรื่องทั้งหมด
ก็เลือนหายไป จนกระทั่งประมาณหกปีให้หลัง คือปี ค.ศ.1994
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นดูเหมือนได้รั่วไหลออกมาสู่สื่อสาร
มวลชนอีกครั้ง จาการชันสูตรพลิกศพ ก็คือมีคนในรัฐบาลบางคน
เริ่มจะทนเก็บเรื่องเรื่องนี้เอาไว้ไม่ได้ อกเขากำลังจะแตกตายได้นำ
เรื่องนี้ออกมาแฉ ศพที่พบจากการตรวจประวัติทางทันตกรรมแล้ว
พอจะระบุตัวตนได้แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ร่างกายของชายผู้นี้จากการ
ชันสูตรแล้วพบว่าเกิดเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง เรียกว่า
ถูก Mutulate โดยอะไรหรือใครก็ไม่ทราบได้
จากรายงานการชันสูตรที่ได้จากศพของชายผู้นี้ ดวงตาทั้งสอง
ถูกควักออกไป ส่วนเปลือกตาก็ถูกตัดออก ลิ้นหายไป กรามบางส่วน
หายไป เนื่อเยื่อส่วนที่อยู่ติดกับกรามและคอรวมทั้งริมฝีปากถูกตัด
ออก หูข้างซ้ายถูกตัดออก รักแร้ทั้งสองของชายผู้นี้ถูกเจาะเข้าไป
ด้วยอะไรบางอย่างเป็นรูที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5
นิ้ว ซึ่งรูลักษณะเดียวกันนี้ คือมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่เท่ากัน
และมีลักษณะแนวทางในการเจาะแนวทางเดียวกัน ไปถูกเจอที่แขน
และขาด้วย ความน่าสนใจคือรูที่ว่าเจอที่รักแร้ทั้งสองข้างและแขน,
ขาทั้งสองข้างนี้มันสมมาตรกันทุกประการ คือมันอยู่ในระดับ
เดียวกัน ไม่ต่ำหรือสูงกว่ากันและอยู่ห่างจากลำตัวส่วนกลางในระยะ
ที่เท่ากันพอดีเป๊ะ ๆ เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพบว่าเจอความประหลาด
อีกอย่างหนึ่งคือ อวัยวะภายในหลายอวัยวะหายไป อวัยวะที่หายไปนี้
ประกอบไปด้วย ตับ, ไต, กระเพาะอาหาร, ตับอ่อน, ลำไส้ ก็เนื่อง
ด้วยอวัยวะภายในหลายส่วนหายไปจึงทำให้ช่องอกและช่องท้อง
ของศพของชายผู้นี้ยุบลงไปด้วยเนื่องจากขาดอวัยวะภายใน ไม่มี
ร่อยรอยการเจาะผ่านผนังช่องท้องหรือลำตัวเข้าไป นอกจากมีรู
ขนาดเดียวกับที่พบที่รักแร้ คือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 นิ้ว อยู่
ที่บริเวณสะดือของชายผู้นี้
ซึ่งตรงนี้ก็ไม่สามารถทำให้เข้าใจเป็นอื่นไปได้ นอกจากว่า
อวัยวะภายในของชายผู้นี้ก็น่าจะถูกนำผ่านหรือดึงผ่านรูที่เจาะอยู่
ตรงสะดือนี้ ซึ่งการนำอวัยวะภายในร่างกายหลาย ๆ อวัยวะออกจาก
ร่างกายโดยผ่านการเจาะสะดือ ถือเป็นวิธีที่แปลกและไม่พบเห็นได้
ง่ายจากการผ่าตัดทางการแพทย์ทั่วไป ทวารหนักภายนอกและดู
เหมือนจะบางส่วนของลำไส้ใหญ่ถูกตัดออกไป อัณฑะซึ่งเป็นอวัยวะ
สืบพันธุ์เพศชายหายไปและเลือดในร่างกายไม่เหลือสักหยด เจ้า
หน้าที่ชันสูตรและแพทย์
พยายามหาสาเหตุว่า เครื่องมืออะไรที่จะสามารถนำมาใช้เพื่อผ่าตัด
หรือตัดอวัยวะของชายผู้นี้ได้ จากการดูและตรวจสอบบาดแผล
อย่างละเอียดว่า เครื่องมือที่จะนำมาใช้เพื่อภารกิจนี้ได้จะต้องเป็น
เครื่องมือทางการแพทย์ที่ความเที่ยงตรงสูง มีคุณภาพสูง ความเร็ว
และความแม่นยำของเครื่องมือที่ใช้ต้องสูงมาก เพราะว่าไม่พบรอย
เลือดหรือการเสียเลือดบริเวณบาดแผลที่ถูกตัด คล้ายกับบาดแผล
ถูกตัดด้วยเครื่องมือที่มีความร้อนสูงด้วยกรรมวิธี cauterize เพื่อ
ป้องกันเลือดออกจากบาดแผล ศพที่ถูกนำมาชันสูตรนี้ถึงแม้จะผ่าน
มานานกว่า 24 ชั่วโมงแล้วแต่ว่าร่างกายศพยังไม่แข็ง ซึ่งก็แปลก
เพราะว่าถึงแม้คนจะตายไปไม่นานยิ่งถ้าอวัยวะหายไปมากเช่นนี้
ร่างกายควรจะแข็งเพราะว่าเซลในร่างกายตายหมด และศพนี้ก็ไม่มี
กลิ่นศพด้วย
ศพนี้ตอนที่เจอ เด็กชายคนที่เจอบอกว่ามีฝูงนกรุมทึ้งศพอยู่
แต่จากการตรวจสอบแล้วพบว่า ศพนี้ไม่มีชิ้นส่วนของเนื้อเยื่อหรือ
อวัยวะใด ๆ ที่ถูกนกจิกกิน จากการตรวจสอบทางพิษวิทยาแล้วพบ
ว่า ชายผู้นี้ไม่ได้ถูกวางยาสลบหรือยาชา หรือยาชนิดใด ๆ ในการ
ผ่าตัดตอนที่เกิดเหตุการณ์ ไม่พบว่ามีร่องรอยการพันธนาการใด ๆ
ตอนที่เกิดเหตุการณ์ สรุปว่าตอนเกิดเหตุการณ์ชายผู้นี้มี
สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ทุกประการ แต่น่าจะเกิดการอัมพาตจากวิธี
ใดวิธีหนึ่งจึงทำให้ไม่เกิดการดิ้นรน จากบาดแผลที่เรียกว่าเนี๊ยบ
จึงสันนิฐานได้ว่าชายคนนี้ต้องอยู่ในสภาพที่นิ่งมากแทบจะเคลื่อนที่
หรือกระดิกตัวไม่ได้เลย กระโหลกศีรษะถูกเปิดออกเพื่อตรวจสอบ
สมองอย่างละเอียดพบว่าชายผู้นี้ก่อนตายมีอาการสมองบวม
การชันสูตรสรุปสาเหตุการตายว่าเกิดจากหัวใจ
หยุดทำงานอย่างฉับพลันเนื่องจากผู้ป่วยเจ็บปวดมาก ในรายงาน
การชันสูตรระบุว่าผู้ตายไม่พบว่ามีการถูกซ้อมหรือทำร้ายร่างกาย
แต่อย่างใด และไม่บาดแผลว่าชายผู้นี้มีการขัดขืนหรือต่อสู้
ชื่อของผู้ตายสามารถทราบได้ระบุตัวตนได้แต่ด้วยความเคารพกับ
ญาติพี่น้องของผู้ตายจึงไม่สามารถเปิดเผยได้ บอกได้เพียงคร่าว ๆ
ว่าเป็นชายคนหนึ่งที่มีอายุ 53 ปี ซึ่งมีประวัติป่วยเป็นโรคลมชักและ
ติดสุราเรื้อรัง ชายผู้นี้มักจะมาตกปลาที่อ่างเก็บน้ำแห่งนี้เสมอ แต่ได้
ถูกแจ้งความว่าหายไปเมื่อ 3 วันก่อนหน้า เสื้อผ้าของชายผู้นี้จะการ
ตรวจสอบสถานที่อย่างละเอียดแล้วพบว่า อยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของอ่าง
เก็บน้ำ เข้าใจว่าชายผู้นี้คงจะถอดไว้แล้วว่ายน้ำมายังอีกฝั่งเผื่อว่าจะ
ตกปลาหรือหาปลาได้มากขึ้นซึ่งครอบครัวของชายผู้นี้ก็ยืนยันว่าสิ่ง
นี้เป็นพฤติกรรมของชายผู้นี้จริง ก็สันนิฐานต่อไปว่าชายผู้นี้คงจะ
ผสมยาแก้โรคลมชักเข้ากับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเขาแล้วดื่ม
เข้าไปพร้อม ๆ กัน แล้วลงมาว่ายข้ามน้ำ ร่างกายจึงเกิดอาการอ่อน
ล้าและเสียชีวิต แต่สิ่งที่อธิบายไม่ได้คือทำไมศพของชายคนนี้ที่พบ
จึงไปอยู่ในสภาพนี้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วว่าจะถูกกัดกินโดยสัตว์
ตามธรรมชาติหรือถูกแมลงเจาะหรือไช บาดแผลที่พบมันเป็นการ
ถูกกระทำโดยคนหรือคนที่ฉลาดมาก ๆ หรืออะไรก็ไม่ทราบได้ คดีนี้
เนื่องจากว่ามีหลายเรื่องหลายอย่างที่ไม่สามารถให้มีเหตุมีผลตาม
หลักวิทยาศาสตร์ได้ คดีนี้จึงได้ถูกปิดลงอย่างรวดเร็วให้เหตุผลว่า
เพียงว่าชายผู้นี้เสียชีวิตตามธรรมชาติ ซึ่งมีสาเหตุการตายมาจาก
โรคประจำตัวของเขาเองและลักษณะการใช้ชีวิตในแบบฉบับของ
เขาที่ไม่น่าจะซ้ำกับคนอื่น
ประมาณเมื่อสี่สิบปีก่อน มีคนคนหนึ่งออกมาให้ปากคำกับผู้เข้า
ร่วมประชุมเกี่ยวกับเรื่อง ๆ นี้ ท่านนี้ชื่อคุณ William Cooper ท่าน
พูดออกมาหลายเรื่องเหมือนกัน
แต่เรื่อง ๆ หนึ่งที่ท่านแฉออกมาคือ
ทางรัฐบาลประเทศมหาอำนาจรู้และรับทราบเรื่อง ๆ นี้เป็นอย่างดี
เพียงแต่ไม่ยอมพูดออกมาในที่สาธารณะ ก็เนื่องด้วยเหตุผล
นานัปการ การตกของยูเอฟโอที่ตรวจสอบแล้วมีมากหลายกรณีเช่น
กัน ทั้งที่ยูเอฟโอตกลงมาเองอันเนื่องจากเหตุขัดข้องของยาน
พาหนะของเขาและทั้งที่ถูกตั้งใจทำให้ตกลงมา และก็มนุษย์ต่างดาว
ที่โดยสารมากับยานพาหนะเหล่านี้บางทีก็ยังถูกจับเป็นได้อีกด้วย
สิ่งที่สำคัญคือมันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน ยูเอฟ
โอจะตกที่ไหนบนโลก หรือเกิดกี่กรณีมาแล้ว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงน่า
เป็นกังวลอย่างมากก็คือ มีอยู่อย่างน้อยสองกรณีของการตกที่มีการ
ตรวจค้นพบ และเข้าทำการตรวจสอบอย่างละเอียดบริเวณที่เรียกว่า
แอสเปค มลรัฐนิวเม็กซิโก ตรวจสอบพบชิ้นส่วนของมนุษย์โลกบน
ยานพาหนะของพวกเขา(ในคลิปอยุ่ในนาทีที่ 5.00) รัฐบาลประเทศ
มหาอำนาจกลัวมากว่าหากเรื่องนี้กระจายออกสู่สาธารณะแล้ว จะ
ทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนควบคุมไม่อยู่ ในคลิปนี้คุณวิลเลียมพูดอะไร
หลายอย่างออกมาน่าสนใจมากครับ อย่างไรฟังให้จบก็แล้วกันครับ
Brecon Beacon สหราชอาณาจักร
แหล่งข่าววงในเล่ากันว่าตั้งแต่สมัยคุณมากาเร็ต แธตเชอร์เป็น
นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ท่านก็ทราบเรื่อง ๆ นี้แล้วเป็นอย่างดี
ก็ได้มีการพูดคุยกับประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในยุคสมัยนั้น จัดตั้ง
กลุ่มลับ ๆ เพื่อจัดการสืบค้นและในขณะเดียวกันก็พยายามปกปิด
ข้อมูลลับที่สุดนี้ไม่ให้สาธารณชนรู้มากจนเกินไปเกี่ยวกับเรื่อง
คนในสหราชอาณาจักรที่ถูก Mutilate
อย่างน้อยตั้งแต่ปี ค.ศ.1954 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้ง
บางจุดที่อยู่ในสหราชอาณาจักร มีปรากฎการณ์แปลกคือสัตว์ที่มี
สภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ปกติ เกิดการเสียชีวิตขึ้นอย่าง
แปลกประหลาด พบการบาดเจ็บหรือบาดแผลในศพที่พบในตัวสัตว์
ทั้งด้านนอกและด้านในร่างกายสัตว์ ลักษณะรอยบาดแผลที่พบใน
ร่างกายสัตว์นี้จาการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่าเป็นแผลที่
เกิดจาการศัลยกรรม ไม่ใช่แผลที่เกิดจากการล่าของสัตว์นักล่าซึ่ง
ตรงนี้ยืนยันได้จากนักพยาธิวิทยาที่ได้ทำการตรวจพิสูจน์ทราบ ซึ่ง
ถึงแม้ว่าจะเกิดปรากฎการณ์นี้เรียกได้ว่านับพัน ๆ เหตุการณ์ แต่
กลับจะไม่สามารถจับกุมคนที่กระทำความผิดได้หรือแม้กระทั่งจะ
พบเห็นก็ยังไม่มีรายงาน แต่กลับจะมีรายงานการพบเห็นวัตถุ
ประหลาดหรือแสงประหลาดบนท้องฟ้าบริเวณที่พบเหตุการณ์นี้
แทน
อยากรู้อะไรมากกว่านี้ก็ต้องไปหาอะไรที่อยู่ใกล้ ๆ หรือไปหาคนใน
คนในที่พอจะพูดหรือเปิดเผยอะไรได้บ้างถึงแม้จะเปิดเผยได้ไม่หมด
แต่ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมีอยู่ครั้งหนึ่งในอดีตเมื่อประมาณสิบปี
ก่อน(ค.ศ.2009) คุณ Derek Gough ท่านนี้อาศัยอยู่บริเวณ
South Wales ท่านเปิดเผยอะไรบางอย่างออกมาว่าประมาณสัก
ช่วงปี ค.ศ.1997 ท่านได้พบปะพบเจอจากอดีตทหารท่านหนึ่ง คุณ
Derek ในปี ค.ศ.1996 ทำงานให้กับ UFO Magazine ชื่อ Global
คุณ Derek ท่านผู้นี้เป็นอีกท่านหนึ่งที่หลงใหลในเรื่องของยู
เอฟโอมาก ๆ ซึ่งท่านผู้นี้ก็จะเคลื่อนไหวในเขตบริเวณที่ท่านอยู่คือ
Brecon Beacons ในเขตของ South Wales ท่านผู้นี้บ่อยครั้งที่จะ
ใช้เวลายามค่ำคืนออกหาข้อมูลหรือหลักฐานอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับ
เรื่องนี้ในเขตแดนบริเวณนี้ ไม่เพียงเท่านั้นคุณ Derek ท่านยังมี
ความพยายามที่จะหาหลักฐานใหม่ ๆ ที่เป็นหลักฐานของคนที่
พบเห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ให้ได้ด้วย บริเวณ Brecon
Beacons ถือเป็นจุดจุดหนึ่งที่มีรายงานการพบเห็นยูเอฟโอบ่อยครั้ง
เหมือนกัน
หนึ่งในยุทธวิธีที่ท่านใช้คือ ใช้แผ่นพับที่มีข้อความข้างล่างนี้ไป
ปะไว้ยังสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ในบริเวณนี้
"ผมเป็นนักค้นคว้าเรื่อยยูเอฟโอและปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติ
อื่น ๆ สิ่งที่ผมอยากทราบคือท่านได้เคยพบเห็นปรากฎการณ์
ประหลาดอาทิเช่น การพบเห็นแสงประหลาดในบริเวณอื่นหรือ
บริเวณที่ท่านอยู่อาศัยนี้บ้างหรือไม่ ทั้งนี้แล้วกระผมยังคงอยากได้
ข้อมูลจากเกษตรกร ท่านที่จะมีประสบการณ์ในเรื่องสัตว์เลี้ยงใน
ฟาร์มบริเวณที่อยู่ในพื้นที่ของท่านที่ถูก Mutilate ทำให้เสียชีวิต
อย่างไม่ทราบสาเหตุ ข้อมูลทั้งหมดที่ท่านส่งมาจะถูกเก็บเป็นความ
ลับ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จะถูก
ปิดเป็นความลับ นอกจากได้รับความยินยอมจากเจ้าของเรื่อง ทั้งนี้
แล้วภาพถ่ายที่ท่านจะสามารถถ่ายเก็บไว้ได้ก็จักเป็นอีกหนึ่งหลัก
ฐานที่กระผมมองหาอยู่ ซึ่งกระผมจะสามารถติดต่อกลับไปยังท่าน
ได้ทันทีที่ท่านร้องขอหรือสะดวก ซึ่งกระผมยินดีที่จะรับทั้งข้อความ
หรือเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ปรากฎชื่อผู้ส่งหรือผู้โทรมา สามารถติดต่อ
มาทางผมที่เบอร์โทร...........ตลอดเวลาที่ท่านสะดวก"
ใบปลิวที่มีข้อความข้างต้นถูกติดไว้ตามเสาไฟฟ้า รั้ว ต้นไม้
หรือสถานที่ที่อนุญาตให้ติดประกาศได้ทั่วบริเวณ Brecon
Beacons และพื้นที่ Sandy Bridge ก็ราวเดือนมกราคม ค.ศ.1997
คุณ Derek ได้รับการติดต่อเข้ามาทางโทรศัพท์จากคนคนหนึ่งที่ได้
ไปอ่านเจอประกาศของคุณ Derek นี้ คนนิรนามท่านนี้เป็นชายแจ้ง
ว่าอยากจะพบเจอตัวตัวเพื่อบอกเล่าข้อมูลบางอย่างที่พอจะเปิดเผย
กันได้(บอกได้เฉพาะข้อมูลบางอย่างไม่ทั้งหมด) เกี่ยวข้องกับยูเอฟ
โอ ในบริเวณ South Wales และบริเวณอื่นหรือแม้แต่ประเทศอื่น
คุณ Derek ได้ประสานให้พบกับชายนิรนามคนนี้โดย
ประมาณสามครั้ง ซึ่งตรงนี้ทำให้คุณ Derek ได้ทราบว่าชายนิรนาม
ผู้นี้เขาอ้างว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นทหารและดูเหมือนจะทำงานให้กับองค์การสนธิ
สัญญาแอตแลนติกเหนือ(NATO) ในส่วนของปฎิบัติการที่ไม่เปิด
เผยหรือปฎิบัติการลับ(Black Operation)
ชายนิรนามผู้นี้เป็นหนึ่งใน 11 คน ที่ถูกคัด
เลือกให้เข้าสู่หน่วยปฎิบัติการพิเศษ ประจำการอยู่ที่ Hereford ก็คือ
ทั้ง 11 คนนี้เป็นอาสา
สมัครในการคัดเลือกในเบื้องต้นและจำเป็นต้องคัดเลือกอย่าง
ละเอียด ซึ่งปฎิบัติการพิเศษนี้ไม่เหมือนกับปฎิบัติการอื่น ๆ ทาง
ทหารที่เคยพบเห็นมา ซึ่งเป็นไปได้ว่าเป็นปฎิบัติการที่มีอันตราย
มาก และเป็นไปได้ที่เป็นปฎิบัติการที่อาจจะไม่เคยพบเห็นที่ใดได้
ง่าย ๆ อดีตชายทหารนิรนามผู้นี้เล่าว่า หน้าที่ของ
ทีมเขาคือ Find and Secure Operation(ค้นหาและเข้าทำการ
อารักขาให้เร็วที่สุด) ซึ่ง
จำเป็นต้อง Stand by ตลอด 24 ชั่วโมงและจำเป็นต้องมีความ
พร้อมตลอดเวลาที่จะเดินทางทางอากาศไปยังสถานที่ที่ได้รับมอบ
หมายมา ในตอนแรก ๆ ชายผู้นี้ที่อดีตเคยเป็นทหารเล่าว่าเขาเองก็
ยังไม่แน่ใจว่าปฎิบัติการประหลาดนี้จะคืออะไร ไม่เพียงเท่านั้น นาย
ทหารที่ถูกคัดเลือกให้เข้าทำงานในปฎิบัติการนี้ยังจะต้องรักษา
ความลับอย่างถึงที่สุด หากมีการแพร่งพรายหรือนำไปเล่าต่อแล้ว
มันจะหมายถึงอันตรายต่อชีวิตตนเองและครอบครัวของทหารเหล่า
นี้ได้ ซึ่งภายหลังถึงจะทราบว่าปฎิบัติการนี้คือการค้นหาและเข้า
ทำการอารักขายูเอฟโอ
หรือวัตถุบินลึกลับที่ตกลงมาสู่พื้นโลก ซึ่งจำเป็นต้องทำปฎิบัติการ
ให้เร็วและแน่นอนที่สุดก่อนที่จะมีผู้คนมาพบเห็น ซึ่งในทีมจะถูกส่ง
ไปยังสถานที่ที่เกิดเหตุด้วยยานพาหนะทหาร อาทิเช่น เครื่องบิน
ทหาร เฮลิคอปเตอร์ทหาร
ไปยังสถานที่เฉพาะที่ไม่เปิดเผยซึ่งในทีมเองก็ยังไม่ทราบมาก่อน
เช่นกันว่าเป็นสถานที่ใด ซึ่งสถานที่ที่ว่านี้จะเป็นสถานที่ที่มีการ
พบเห็นยูเอฟโอ หรือพบว่ามีการลงจอดของยูเอฟโอ ซึ่งภารกิจที่
สมาชิกในทีมจะต้องทำคือ ค้นหาทางภาคพื้นดิน ไม่ว่าจะเป็นยูเอฟ
โอหรือชิ้นส่วนใด ๆ ของมันที่จะพบได้บนพื้น และป้องกันไม่ให้ผู้คน
หรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามายังพื้นที่ที่ว่านี้ ชายผู้นี้ซึ่งอ้างว่าอยู่ใน
ปฎิบัติการดังกล่าว กล่าวต่อไปว่า จากภารกิจนี้สิ่งที่ทีมจะพบเห็นได้
ก็จะเป็นยานพาหนะของผู้คนในพื้นที่, ศพคน หรือบางครั้งถึงขั้นพบ
ยูเอฟโอที่จอดอยู่บนพื้นเลยทีเดียว ก็คือตั้งแต่ที่เขาเริ่มเข้ามามีส่วน
ในทีมตั้งแต่ปี 1980 เขาอ้างว่า เขาพบเห็นกรณีที่มนุษย์โลกถูก
Mutilate โดยอะไร หรือตัวอะไรก็ไม่สามารถจะทราบได้ถึง
ประมาณ 30 - 40 กรณีเลยทีเดียว ในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์
สก็อตแลนด์ สเปน เยอรมันนี รัฐอลาสก้าสหรัฐฯ ออสเตรเลีย
ยูโกสลาเวียและรัสเซีย ก็ด้วยว่าจริงหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ ชายผู้นี้
อ้างว่าตรงนี้ที่สามารถเข้าถึงประเทศอื่น ๆ ได้ก็เนื่องด้วยองค์กรที่
เขาสังกัดนี้ใหญ่มาก ๆ เขาอ้างว่าเป็นปฎิบัติการที่อยู่ภายใต้
องค์กร(NATO)