มิเตอร์วัดความดันอากาศแบบ Analog
3,600.-
ความดันอากาศ
สรรพสิ่งที่อยู่ในโลกใบนี้ไม่มีวันที่จะหลุดลอยออกไปนอกโลกได้
นั่นเป็นไปเพราะแรงโน้มถ่วง นอกเสียจากมนุษย์จะทำขึ้นเช่น
ใส่เชื้อเพลิงปริมาณมหาศาลเข้าไปในจรวดขับดันและส่งออกไป
อากาศก็เช่นกันไม่ใช่ข้อยกเว้นต้องอยู่ในโลกภายใต้ชั้นบรรยากาศ และแรงโน้มถ่วง
ถ้าเป็นของแข็งที่อยู่บนโลกเราวัดมวลด้วยการชั่งน้ำหนัก
แต่ถ้าเป็นของเหลวแล้วส่วนใหญ่เราวัดน้ำหนักของมันโดยวัดเป็นความดัน
อากาศเป็นของไหลมองไม่เห็น แต่ถึงกระนั้นเราก็รู้ว่าอากาศมีตัวตนเพราะพิสูจน์ได้ง่าย
ๆ โดยนำลูกโป่งมาเป่าให้พองส่วนที่พองออกของลูกโป่งคืออากาศนั่นเอง
ถ้าจะถามว่าอากาศมีน้ำหนักหรือไม่ และจะพิสูจน์อย่างไร
จะขอยกตัวอย่างของไหลอีกชนิดเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นคือ น้ำ น้ำนั้น
เป็นของไหลเช่นเดียวกับอากาศ ไม่มีตัวตนที่แน่นอนเปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุ
แต่น้ำนั้นสัมผัสได้มีน้ำหนักแน่นอน เช่นถ้านำภาชนะเปล่า ๆ มาใส่น้ำ ภาชนะนั้นจะหนักขึ้น
ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นคือน้ำหนักของน้ำนั่นเอง
ท่านยังจำวิชาวิทยาศาสตร์ตอนมัธยมต้นที่ท่านเคยเรียนมาได้ไหม
ถ้าท่านลองนำภาชนะชนิดหนึ่งมาเติมน้ำให้เต็ม เช่น นำกระป๋องนมมาเติมน้ำให้เต็ม
เจาะรูสามรูให้อยู่ในระดับเดียวกันแต่ให้อยู่สูงต่ำลดหลั่นกันไปแล้วอุดรูไว้ยังไม่ให้น้ำออก
เมื่อท่านลองเปิดรูให้น้ำออก ถามว่า รูใดน้ำจะพุ่งออกมาแรงที่สุด คำตอบที่ถูกต้องคือ
รูที่อยู่ด้านล่างสุด น้ำจะพุ่งออกมาแรงที่สุด ส่วนรูด้านบนน้ำจะพุ่งออกมาแรงน้อยที่สุด
ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น คำตอบคือ
โมเลกุลของน้ำที่อยู่ด้านล่างถูกโมเลกุลของน้ำที่อยู่ด้านบนทับตามกฎของแรงดึงดูดโลก
เพราะฉะนั้นโมเลกุลของน้ำที่อยู่ด้านล่างย่อมจะมีแรงดันมากกว่าและโมเลกุลของน้ำอยู่ชิด
กันมากกว่าจึงพุ่งออกมาแรงกว่า(ทั้ง ๆ ที่อยู่ในภาชนะเดียวกัน)
จุดที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรเรียกจุดนั้นว่า Mariana Trench
ซึ่งอยู่ลึกลงไปจากระดับน้ำทะเลปกติประมาณ 10.91 กิโลเมตร ถ้าสมมติ(จริง ๆ เป็นไปไม่ได้)
ว่าท่านลงไปอยู่ ณ จุดนี้ เหนือศีรษะท่านจะมีน้ำปริมาณน้ำหนักมากถึงประมาณ 10
กว่ากิโลเมตรกดทับร่างกายท่านอยู่ ซึ่งจะทำให้ร่างกายท่านแหลกเหลวจนเสียชีวิต
ซึ่งแม้แต่เรือดำน้ำที่ทันสมัยที่สุดก็ยังลงไปไม่ถึงได้เพราะทนต่อแรงดันอันมหาศาลของน้ำไม่ไหว
ที่ผมยกตัวอย่างมานี้ไม่ใช่อะไรอื่น ถ้าเทียบน้ำกับอากาศ(ซึ่งเป็นของไหลเหมือนกัน) แล้ว
จะพบว่ามนุษย์และสัตว์บกนั้น กำลังใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ท้องมหาสมุทรของอากาศนั่นเอง
และแรงดันอากาศ ไม่ใช่อะไรอื่น แต่คือน้ำหนักของอากาศนั่นเอง
ซึ่งในอดีตมนุษย์ไม่ทราบแต่ปัจจุบันทราบและสามารถตรวจวัดได้ โดยใช้เครื่องมือ
และเครื่องมืออย่างง่าย ๆ
ภาพด้านบนแสดงให้เห็นว่าอากาศมีน้ำหนัก เพราะถ้าลูกโป่งพองออก
ย่อมหนักกว่าลูกโป่งที่แฟบอยู่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นคือน้ำหนักอากาศนั่นเอง
ภาพด้านบนคือเครื่องมือในการวัดความดันอากาศของคนในสมัยโบราณ
เครื่องมือนี้อากาศเข้าได้ด้านเดียวครับ คือด้านพวยกา ส่วนอื่นๆ
ของกาถูกปิดสนิทจนอากาศเข้าไปไม่ได้
จากรูปท่านจะพบว่าระดับน้ำในพวยกาอยู่สูงกว่าระดับของน้ำในตัวกา
แต่เมื่อใดก็ตามที่ระดับน้ำในพวยกาต่ำลงนั่นหมายถึงอากาศกดลงมามากขึ้น
หรือเมื่อใดก็ตามน้ำในพวยกาอยู่สูงกว่าเดิมก็หมายถึงอากาศกดลงมาน้อยลงนั่นเอง
ซึ่งเป็นวิธีการวัดแบบง่าย ๆ
มนุษย์ต้องการความดันอากาศที่เหมาะสมในการอยู่อาศัย
ความดันอากาศที่มากหรือน้อยไปอาจจะทำให้ร่างกายเกิดความไม่สบายเนื้อสบายตัว
ทั้งนี้ยังบอกได้ถึงสภาพดินฟ้าอากาศที่อาจจะตามมาด้วย
ความดันอากาศที่เหมาะสมต่อมนุษย์จะอยู่ที่ 1,000 - 1,030 hPa
แต่ถ้าความอันอากาศอยู่ต่ำกว่าระดับนี้จะหมายถึง พายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะมา เช่นอยู่ที่ 970
hPa(28.5 มม.ปรอท) หรือถ้าสภาพความดันอากาศมากกว่านี้หมายถึงอากาศแห้งมาก
ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงฤดูหนาว เช่นอยู่ที่ 1,050 hPa
สถานที่ที่ยิ่งสูงจากระดับน้ำทะเลมากเท่าใด หมายถึงความกดอากาศ(น้ำหนักอากาศ)มีน้อย
ส่วนใดของโลกที่อยู่ต่ำกว่า ย่อมมีความกดอากาศมากกว่า
แต่กระนั้นก็ดีความกดอากาศนั้นอาจจะไม่แน่นอนสม่ำเสมอไปทุกวันเพราะมันสามารถจะเปลี่ยนแป
ลงได้บ้างเล็กน้อย ในปัจจุบันเราวัดโดยใช้หน่วย hPa(hectopascal)
ซึ่งเป็นหน่วยสากลที่นิยมใช้วัดความดันอากาศ
แม้แต่กรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศไทยก็ยังใช้หน่วยนี้ในการวัดความดันอากาศ
เช็คสภาพอากาศบ้างหรือยังครับก่อนออกจากบ้าน ถ้ายัง ไปที่นี่ครับ
http://www.tmd.go.th/province.php
เวบสำหรับการแปลงค่าหน่วยของความดันอากาศ