ผู้พัน ฟิลลิป คอร์โซ, Lieutenant Colonel Philip J. Corso
มีชีวิตในช่วง 22 พ.ค. 1915 ถึง 16 ก.ค. 1998
พันโทคอร์โซ เป็นเจ้าหน้าที่ทหารของทางสหรัฐฯ
อยู่ในราชการทหารตั้งแต่ปี 23 ก.พ. 1942 ถึง 1 มีนาคม 1963
ผู้พันเป็นคนเขียนหนังสือ "The day after Roswell"
เผยแพร่ในวันที่ 23 ก.ค. 1997
ซึ่งเกี่ยวกับการตกของวัตถุลึกลับหรือยูเอฟโอ ในปี 1947
รู้จักเหตุการณ์นี้กันดีในชื่อ "Roswell UFO incident"
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 7 ก.ค. 1947
ซึ่งมีวัตถุลึกลับไม่ปรากฎสัญชาติ
ตกลงในฟาร์มปศุสัตว์ในมลรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งทางการสหรัฐฯ
กล่าวว่าสิ่งที่พบเป็นเพียงบอลลูนตรวจอากาศในภารกิจลับเฉพาะพิเศษ
เรียกภารกิจนี้ว่า "Mogul"
แต่อย่างไรก็ตามแต่เป็นที่กล่าวกันเป็นอย่างมากจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
ในวันตกวันนั้นว่าวัตถุลึกลับลำนี้มีมนุษย์จากนอกโลกซึ่งโดยสารมา
อยู่ในนั้นด้วยและไม่เพียงเท่านั้นวัตถุลึกลับนี้ยังเป็นวัตถุที่เต็มไปด้วย
เทคโนโลยีอันน่าทึ่งที่ไม่เคยมีอยู่ในยุคสมัยนั้น
เรื่องนี้ในยุคสมัยนั้นก็คงไม่มีคนให้ความสนใจกันมากเนื่องจาก
เทคโนโลยีของการสื่อสารยังมีน้อย
แต่ว่าเรื่องนี้กลับจะเข้าอยู่ในความสนใจของผู้คนเป็นอย่างมากหลังจาก
เหตุการณ์ผ่านไปเกือบ ๆ 30 ปี คือปลาย ๆ ทศวรรษ 1970
ท่านครับ การตกลงมาของยูเอฟโอ นี่เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่นะครับ
มันยิ่งใหญ่มาก ๆ เลย
ยิ่งใหญ่กว่าการส่งยานสำรวจอวกาศของมนุษย์ออกไปนอกโลก
เพราะว่าการส่งยานสำรวจออกไปนอกโลกเป็นเทคโนโลยีของมนุษย์จะท
ำเมื่อไรก็ได้ถ้าพร้อมและมีทุนทรัพย์ มันยิ่งใหญ่กว่าการจับไดโนเสาร์เป็น
ๆ ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อร้อยล้านปีก่อนได้
เพราะถ้าหากท่านจับไดโนเสาร์ได้ในวันนี้
ท่านก็คงจะไปทำอะไรกับมันไม่ได้มากกว่าส่งเข้าไปอนุบาลต่อในสวนสัตว์
หาอาหารให้มันกิน ฉีดวัคซีน และก็เฝ้าติดตามพฤติกรรมการดำรงชีวิต
การหาอาหาร การเกี้ยวพาราสี พฤติกรรมการสืบพันธุ์ การวางไข่
การเลี้ยงลูก ฯลฯ แล้วพรุ่งนี้เช้าที่ตื่นขึ้นมาโลกใบนี้ก็ยังคงเป็นโลกใบเดิม
การตกลงมาของยูเอฟโอ
หรือสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกที่ฉลาดกว่าเผ่าพันธุ์ของมนุษย์มาก ๆ
นี้มันคือการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เราครับ
การตกลงของยูเอฟโอและการจับมนุษย์ต่างดาวได้แล้วนั่นเป็น
"หลักเมตตาธรรม"
เพราะว่าคนที่จับได้หรือประเทศที่ได้ครอบครองยูเอฟโอลำนั้น ๆ
เสมือนกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ก็ว่าได้ เขาคงจะประคบประหงม
ให้การดูแลอารักขา เป็นอย่างดี ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะจำลอง ก็อปปี้
ทำขึ้นใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนยานยูเอฟโอลำนั้น
ท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งทั้งยากทั้งหิน
ทั้งนี้ยังให้เวลาสอบต่อวิชาน้อยมาก คือกำหนดเวลาให้ที่ 2 ชั่วโมงต่อวิชา
จนเกิดการ complain ว่ามันให้เวลาน้อยจนเกินไป
สมมติว่าท่านให้เวลาต่อวิชาในการทำข้อสอบเป็น 10 ชั่วโมง
และเงื่อนไขที่ว่าถ้ามีคนทำ้ข้อสอบได้เต็มจะแถมเงินให้ 1 ล้านบาท
เมื่อถึงเวลาเก็บข้อสอบก็ใช่ว่าจะทำข้อสอบกันได้
สำหรับคนทำข้อสอบไม่ได้ ก็ยังคงมีการส่งกระดาษเปล่าอยู่ดี
สำหรับคนที่ทำไม่ได้ ส่วนคนที่ทำได้
อาจจะเป็นไปได้ว่าใช้เวลาในการทำข้อสอบชุดนี้ ไม่ถึง 2
ชั่วโมงก็ส่งกระดาษคำตอบได้แล้ว
และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะทำได้เต็มหรือเกือบเต็มด้วย
การพัฒนาเทคโนโลยีนั้น ถ้าถามว่าง่ายที่สุดคืออะไร
คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ ไปดูเทคโนโลยีของคนอื่นก่อนว่าต้องทำอย่างไร
แล้วจำลองหรือลอกมาก่อน
หลังจากมีความชำนาญแล้วค่อยนำมาประยุกต์ในก้าวหน้าทันสมัยขึ้น
ซึ่งในอดีตแล้วประเทศกำลังพัฒนาหลาย ๆ ประเทศก็มักจะทำอย่างนี้คือ
ให้ประเทศที่พัฒนาแล้วเดินทางเข้ามาลงทุน
เพื่อคาดหวังที่จะมองเห็นวิธีการทำงานของคนในประเทศนั้น
และได้เห็นวิทยาการเทคโนโลยีที่เจริญกว่า เพื่อจะได้จำลอง
หรือนำมาประยุกต์ให้เข้ากับประเทศของเขา
การพัฒนาเทคโนโลยีหรือวิทยาการทางวิทยาศาสตร์
ถ้าไม่มีตัวต้นแบบแล้ว เชื่อผมเถอะ ยาก ยากถึงยากมากที่จะไปพัฒนา
เพราะดูตัวอย่างนักประดิษฐ์ในอดีตจนถึงปัจจุบันก็แทบจะนับคนได้แล้วว่า
มีกันไม่น่าจะเกิน 500 คน ในขณะที่คนบนโลกเกิดแล้วตายทุกวัน รวม ๆ
กันแล้วก็เป็นหมื่นล้านคน
ซึ่งนักประดิษฐ์เหล่านี้เรียกว่าเป็นบุคคลที่มีอัจฉริยะ
เป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ในการคิดค้น ซึ่งพรสวรรค์นี้ในความเป็นจริง
มีได้เป็นบางคน มีทุกคนไม่ได้
ถ้าจะถามว่าพี่น้องตระกูลไรท์ที่มีชีวิตอยู่เมื่อร้อยปีก่อน สามารถ
ประดิษฐ์เครื่องบิน หรือทำให้เครื่องบิน บินขึ้นได้เป็นครั้งแรกแล้ว
ทุกวันนี้คนบนโลก ก็ยังคงต้องก็อปปี้ความคิด
ไอเดียของพี่น้องตระกูลไรท์มาประดิษฐ์เครื่องบินของเขาอยู่นั่นเอง
เพราะอะไร เครื่องบินที่พี่้น้องตระกูลไรท์มีสองปีก หรือมีรูปร่างอย่างไร
ทุกวันนี้เครื่องบินก็ยังสองปีกและรูปร่างงั้น ๆ
ผมไม่เห็นว่าจะไปมีใครสามารถทำให้วัตถุยานพาหนะเคลื่อนที่อยู่ในอาก
าศได้ โดยมีรูปทรงอื่นได้เลย
ถ้าหากว่ามียูเอฟโอตกลงมาบนโลกจริง
และเราสามารถที่จะจำลองทุกสิ่งทุกอย่าง(
หรือแค่เกือบจะทุกสิ่งทุกอย่าง) บนยูเอฟโอลำนี้ได้ ท่านเชื่อไหมครับว่า
เผ่าพันธุ์มนุษย์เรานี่จะย่นระยะเวลาในการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นได้อีกผม
ว่าอาจจะเป็นหลายพันปีเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อร้อยปีกว่า ๆ
ที่ผ่านมาคนบนโลกบางพื้นที่(น่าจะเกินครึ่ง) ยังไม่ได้นุ่งผ้ากันเลย
แต่ผ่านมาแค่ร้อยปีสังเกตุว่า เราสามารถไปถึงขอบนอกอวกาศกันได้แล้ว
ไม่แน่ชัดว่ามนุษย์ต่างดาวนั้นเจริญและก้าวหน้ากว่ามนุษย์กี่ปีกันแน่
แ่ต่ผมว่ามีความน่าจะเป็นเป็นล้านปีก็เป็นไปได้
การก็อปปี้ความคิดคนอื่น การจำลองสินค้าหรือเทคโนโลยี และ
การทำขึ้นใหม่โดยใช้ความคิดของผู้อื่น สำหรับมนุษย์ด้วยกันเองแล้ว
เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เป็นสิ่งที่ควรถูกตำหนิกล่าวโทษ
และบางครั้งเป็นสิ่งที่ผิดต่อบทบัญญัติของกฎหมายที่ระบุไว้
แต่ว่ากฎหมายเป็นสิ่งที่คนเขียนขึ้น มีผลกับมนุษย์เผ่าพันธุ์เดียวกัน
กฎหมายลิขสิทธิ์นั้นไม่ัมีผลบังคับกับคนและสัตว์
หรือไปมีผลบังคับระหว่างคนบนโลกกับคนที่เป็นคนละเผ่ากับเราที่ไม่ได้อ
ยู่บนโลกใบนี้ ฉะนั้นแล้วสามารถ ลอกได้ เลียนแบบได้ จำลองได้
นำมาใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ขัดกับ "หลักนิติธรรม"
แต่ประการใด ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะมีใครมาฟ้องร้องท่าน
ผมมีคลิปวีดีโอคลิปหนึ่ง ถูกออกอากาศในช่อง History Channel
ผมดูแล้วน่าสนใจมากเลยครับ แต่มันจะมีคนเชื่อกับเรื่องนี้หรือไม่
เป็นอีกเรื่องครับ
เดือน กรกฎาคม 1947 ที่เมืองรอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก
มีวัตถุลึกลับบางอย่างตกลงมาในทะเลทราย
ซึ่งถูกพบเจอโดยชาวบ้านแถบนั้นโดยบังเอิญ ซึ่งคนหลาย ๆ
คนเชื่อกันว่ามันคือ ยูเอฟโอ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือรัฐบาลกลางประเทศนั้น
ไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้
มีข้อถกเถียงตามมาอีกหลายปีทีเดียวเกี่ยวกับเรื่องนี้
ว่าตกลงแล้วในคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
และรัฐบาลเขาได้ทำอะไรลงไปกับอะไรที่หล่นลงมาจากฟากฟ้ากันแน่
จนกระทั่งผ่านไปแล้วหลายสิบปี มีบุคคลคนหนึ่งใจกว้าง(ใจกล้าด้วย)
ที่จะออกมาเปิดเผยว่า ตกลงแล้ว เหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
บุคคลคนนี้ชื่อ ผู้พัน(นาวาโท) ฟิลลิป เจ คอร์โซ
ซึ่งในอดีตเป็นทหารซึ่งรับราชการ
และมีส่วนรับผิดชอบและรู้เห็นในเรื่องนี้
เขายอมรับว่าไม่ใช่เพียงแต่ว่ามีการตกลงมาของยูเอฟโอจริง
แต่ว่าเทคโนโลยีบนยานอวกาศยูเอฟโอลำนี้ยังได้ถูกทำการจำลอง
คัดลอก โดยหน่วยงานทางทหาร
ทั้งนี้เขายังพบเห็นร่างของมนุษย์จากนอกโลกบนยานลำนี้ด้วย
มีคนตั้งคำถามว่าผู้พัน คอร์โซ เป็นใคร
แล้วทำไมเราถึงจะต้องไปเชื่ออะไรเขา คำตอบคือ
เขาคนนี้รับราชการในกองทัพมาร่วม 20 ปี ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจ
สำคัญ ๆ มากมาย
เป็นหนึ่งในนายทหารของกองทัพที่มีความสามารถมาก
ฉะนั้นแล้วคำพูดของเขาที่พูดออกมานี้อยู่ในระดับที่มีความน่าเชื่อถือพอค
วรทีเดียว
ตามคำให้การของผู้พันคอร์โซ
ผู้พันเป็นคนที่ได้รับมอบหมายภารกิจให้นำเทคโนโลยีในยานอวกาศลำนี้
ออกมาให้มากที่สุด เพื่อที่จะส่งมอบให้ทางผู้บังคับบัญชา
และห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ วิทยาการที่อยู่ในยานอวกาศลำนี้ เมื่อปี
1947 หรือเมื่อประมาณ 66 ปีที่แล้ว เท่าที่ผู้พันจะเปิดเผยต่อสาธารณชน
ได้ คือ เทคโนโลยีทางด้านเลเซอร์,
เทคโนโลยีทางด้านไฟเบอร์ใยแก้วนำแสง,
ผังวงจรไฟฟ้าชั้นสูง(Intregated circuit),
เทคโนโลยีทางด้านความสามารถของอุปกรณ์ที่จะทำให้มองเห็นได้ในที่
มืด, เทคโนโลยีทางด้านเกราะกันกระสุน
ผู้พันคอร์โซ ค้นพบว่า
ในยานอวกาศลำนี้มีเกราะกันกระแทกที่ทรงประสิทธิภาพทีเีดียว
ค้นพบว่ามีบนยานลำนี้มีแท่งกระบอก(กระบอง)
ซึ่งส่งแสงเป็นลำออกมาได้ ซึ่งในยุคสมัยนั้นยังไม่ทราบหรือรู้จักกัน(
แต่ตอนนี้รู้ว่าว่ามันเรียกว่าแสงเลเซอร์)
ไว้ใช้ประโยชน์อะไรสักอย่างไม่แน่ชัด
อาจจะเป็นอาวุธเพื่อป้องกันตัว หรือเครื่องมือเปิดอะไรสักอย่าง
ผู้พันยังค้นพบต่อไปว่าบนยานลำนี้แปลกมากคือ
มีอะไรบางอย่างเพื่อนำไว้สวมศีรษะ(ผู้พันเรียกมันว่า mind control
headband)
สันนิฐานว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในการควบคุมยานพาหนะลำนี้
โดยใช้ความคิดในการควบคุมยาน เรียกว่า
ควบคุมยานด้วยการใช้ระบบโทรจิต(Telephatic)
เพราะบนยานอวกาศลำนี้ไม่พบว่ามีพวงมาลัย หรือ Join stick
เอาไว้ควบคุมการเคลื่อนที่เดินหน้าซ้ายขวาของยานเลย
ค้นพบระบบไมโครเซอร์กิตอันทันสมัยเกินกว่าที่มนุษย์จะผลิตคิดค้นขึ้นม
าได้ในยุคนั้น
ค้นพบเ้ส้นใยซึ่งมัดเป็นกลุ่มคาดว่าจะใช้ประโยชน์ในการส่งต่อข้อมูลได้(
ปัจจุบันทราบแล้วเรียกใยแก้วนำแสง)
บนดวงตาของมนุษย์ต่างดาวเมื่อพิจารณาให้ดีแล้วจะพบว่ามีเลนส์บางอย่
างอยู่บนนัยน์ตาของเขา
ซึ่งมีประโยชน์ในด้านความสามารถในการมองเห็นได้ในที่ไม่มีแสงสว่าง
คำให้การของผู้พันคอร์โซนั้น
ยังกล่าวอ้างไปถึงว่ามีบุคคลอีกประมาณ 2 - 3
คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้คือได้เข้าร่วมในภารกิจเข้าไปสำรวจใ
นยานยูเอฟโอลำนี้ ทั้งนี้ผู้พันคอร์โซกล่าวต่อไปว่า
ทางผู้ใหญ่ไฟเขียวให้ผู้พัน ฟอร์มทีมงานของผู้พันขึ้นมาเองได้ด้วย
ทางผู้ใหญ่ให้ทุกอย่างครับ เงินที่มีให้ใช้ไม่อั้น เวลาที่เหลือเฟือ
และอำนาจหน้าที่การกฎหมายเพื่อที่จะให้สามารถทำงานปฎิบัติภารกิจได้
สะดวก
แต่เดี๋ยวก่อนผู้พันคอร์โซ
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปฎิบัติหรือยอมรับกับกฎเหล็กข้อหนึ่ง ซึ่งนั่นคือ
มันจะต้องเงียบที่สุด เป็นความลับที่สุด
เพราะสิ่งนี้ทางรัฐบาลก็ถือปฎิบัติเช่นกันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้ามีคำถามอะไร
หรือสงสัยอะไรก็ตามแต่ จะไปปรึกษาคนอื่น
หรือนักวิทยาศาสตร์คนอื่นที่เก่งกว่าไม่ได้ ใครก็พูดไม่ได้ทั้งนั้นทั้งสิ้น
ผู้พันคอร์โซ
ซึ่งปราดเปรื่องอยู่แล้วยังยอมรับว่ามีวัตถุสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถจะนำมันไป
พัฒนาได้ด้วยเนื่องจากว่าเกินขีดความสามารถของมนุษย์ นั่นคือ
วัตถุที่เรียกว่า mind control headband เพราะมนุษย์ต่างดาวพันธุนี้(
มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้(มนุษย์ต่างดาวมีหลายพันธุ์ครับ)
คาดกันว่าจะสื่อสารในหมู่พวกเขาเองด้วยระบบโทรจิต
คือคุยกันได้ด้วยจิตใจ
และยังอาจจะควบคุมยานพาหนะของเขาด้วยวิธีนี้อีกด้วย
ซึ่งมันน่าทึ่งมาก ๆ เลย แม้กระทั่งถึงยุคปัจจุบันผ่านไปร่วม ๆ 60
กว่าปีแล้วขีดความสามารถของมนุษย์ก็ยังก็อปปี้
หรือจำลองเทคโนโลยีในจุดนี้ออกมาไม่ได้
ตามคำให้การของผู้ีที่อยู่เหตุการณ์การตกของยูเอฟโอลำนี้อธิบาย
ถึงสิ่งมีชีวิตที่เจอในยานว่าดังนี้
Four Small human-like beings(ขนาดร่างกายเล็กกว่ามนุษย์ประมาณ 4 เท่า)
Four finger hands(นิ้วมือมีสี่นิ้ว)
Thin Legs and Feet(ขาและนิ้วเท้าเล็กและบาง)
Over size Head(ศีรษะมีขนาดใหญ่)
ผู้พันคอร์โซ ซึ่งอมความลับในเรื่องนี้เอาไว้อย่างมากมาย
เป็นเวลาหลายสิบปี ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะเปิดเผยความลับใด ๆ
เลยแม้กระทั่งจะให้ลูก ๆ หรือครอบครัวเขาได้รับรู้
แม้แต่ลูกเขาเองยังยอมรับเองเลยว่า
สิ่งที่คุณพ่อรู้และพูดออกมานั้นมีเพียงแค่ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง(
แล้วอีก 90 มันคืออะไร)
ถ้าในวีดีโอของผู้พันคอร์โซที่ให้สัมภาษณ์กับ เคเบิลทีวี History
Channel เป็นจริงแล้ว ท่านครับ เชื่อผมเถอะ
เทคโนโ่ลยีอะไรก็แล้วที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูงที่เราพบเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
จนพัฒนาโลกไปได้อย่างรวดเร็วอะไรอย่างนี้
เราลอกคนอื่นเขามาเกือบจะทั้งนั้นละครับ
ถ้าไม่มีตัวต้นแบบเทคโนโลยีให้คัดลอกหรือเพื่อพัฒนาต่อยอดกันแล้ว
ยากที่จะรวดเร็วแบบนี้ได้ ใช้เวลาพัฒนาเอง อาจจะต้องเป็นพันปีเลยครับ
ปัจจุบัน ผู้พันคอร์โซ เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 1998 หนังสือที่ผู้พัน Corso
เขียนไว้หลังจากที่ท่านได้เกษียณออกมาจากกองทัพอากาศแล้วมีครับ
วางขายเป็นรูปเล่ม เล่มละ 500 กว่าบาทไทย แต่สำหรับท่านที่สนใจ
คลิกเข้าไปอ่านตามลิงค์ด้านล่างครับ อ่านฟรีไม่เสียสตางค์ครับ New York
Time Best Seller ปี 1997
อ่านหนังสือเล่มนี้ไปพร้อม ๆ กับดูคลิปนี้จะเข้าใจง่ายขึ้นครับ